Act 2: Nighthunting 1
คุณกำลังอยู่กลางท้องฟ้าเลมูเอลาจากเบื้องบนห่างไกลจากความมีระเบียบ ระบบผังเมืองโบราณจำกัดแต่ในเขตวังเก่า ถนนหลวงสร้างจากหินตั้งแต่ยุคแรกเริ่มอยู่ที่นั่น ทอดตัวแยกออกเป็นดาวหลายแฉก เชื่อมต่อถึงเขตรอบนอกราวกับใยแมงมุม จุดหลากสีเคลื่อนที่ไปมาอยู่บนพื้น เหมือนหมู่แมลงเคราะห์ร้ายมาติดกับ ไม่มีทางหนี
ภาพทั้งหมดใกล้เข้ามาทีละน้อย สถาปัตยกรรมโบราณของเลมูเอลาเน้นหลังคาทรงโดมและเสาค้ำประดับหรูหรา ความละเอียดของลวดลายงดงามอ่อนช้อยทำให้คุณอดกลั้นหายใจไม่ได้ เวลานั้น คุณก้าวเท้าออกไป เกาะยึดเอาเสาโลหะหนึ่งบนอาคารสูงไว้ ไม่ให้ตนพลัดล่องลอยไปตามลม
หลังคาหินสีน้ำเงินเข้มส่องประกายกับแสงอาทิตย์ ความร้อนส่งผ่านจากพื้นผิวเรียบมันที่เท้าเปลือยเปล่าของคุณแนบอยู่ คุณหันมองทางขวา สบตากับรูปสลักเทพปกรณัมโบราณตั้งแต่ก่อนรัชสมัยของปฐมกษัตริย์โรเซลีนน์ เทพแห่งสายลมมีคทาอยู่ในมือ เหวี่ยงปลายคทาไปด้านหน้า บัญชาให้กองทัพมนุษย์และหมู่มวลวิหคเหินทะยานต่อไปด้วยความหวัง
เทพแห่งสายลมจับจ้องคุณอยู่นาน ดวงเนตรหินอ่อนไม่อาจกะพริบ สีหน้าของคุณสะท้อนชัดเจนจากแววตาว่างเปล่า
ลมอุ่นๆพัดโบกมาจากด้านหลัง คุณปล่อยมือออก แขนทั้งสองกางออกกว้าง สัมผัสทั้งมือและเท้าล้วนว่างเปล่า แต่ไม่ได้ไร้หลักยึดมั่น คงเพราะเทพแห่งสายลมกำลังยื่นหัตถ์แด่คุณ จิตใจของคุณอบอุ่นเหลือเกิน
คุณกำลังอยู่กลางท้องฟ้า หัตถ์แห่งอากาศกำลังโอบอุ้ม
และทันใด ร่างของคุณก็ค่อยร่วงลงต่ำ
ร่วงหล่น
ลงสู่พื้นดิน
——
รถกระป๋องคันหนึ่งดูเก่าโทรมจะพังแหล่มิพังแหล่ สีเดิมของมันคงจะเป็นอะไรสักอย่าง ระหว่างแดงสนิมกับสีเทาหม่น หรือทั้งหมดอาจจะเป็นสีฝุ่นเขม่าโคลนที่ฉาบภายนอกเป็นเวลานับร้อยปีจนเริ่มทับกันเป็นชั้นเหมือนลวดลายหินริมหน้าผา ไม่ต้องพูดถึงกันชนรถ เพราะสภาพของมันยับเยินจนการมีหรือไม่มีไม่ได้ช่วยให้เกิดความแตกต่าง มันคืบคลานเชื่องช้ายิ่งกว่ามิวกาเวลาง่วงเต็มแก่ และจอดสนิทตรงเส้นขีดกั้นพอดิบพอดีเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง หรือไม่มันก็อาจจะถึงแก่กาลสิ้นสุดอายุขัย เสียงกุกกักเหมือนเครื่องจักรไอน้ำคร่ำคร่าที่ดังมาตลอดทางเงียบลงแล้ว หญิงสาวเคยได้ยินว่ารถสามล้อแถบไอโอธ่าบางคันดับรถเพื่อประหยัดเชื้อเพลิง แต่กรณีนี้คงจะเครื่องดับจริงๆ
หญิงสาวหันมอง กะพริบตาพลางสั่นศีรษะอย่างไม่เชื่อที่รถพรรค์นี้ยังได้รับอนุญาตให้วิ่งบนถนนอยู่ได้ เธอหยิบแว่นสายตามาสวม พยายามสบตากับเจ้าของรถคันนั้น
ใครกันอุตริเอาเศษเหล็กแบบนี้ออกมาเพ่นพ่าน
“อย่ามองแบบนั้นสิยะ…ครับ ผมมีทางเลือกมากนักนี่!”
เสียงแหลมสูงปรี๊ดเท่าที่บุรุษนายหนึ่งจะทำได้ดังแว้ดขึ้นอย่างเหลืออด
ชายหนุ่มทำเสียงจิ๊จ๊ะพลางค้อนขวับใส่คนที่นั่งมาข้างกัน เขายกมือทัดปอยผมสีแดงเพลิงไว้กับใบหู เผยให้เห็นต่างหูทองคำเรืองอร่ามเป็นวงงามที่หูขวา นิ้วเรียวยาวดุจลำเทียนกรีดสะบัดเกลี่ยต่างหูจนสั่นไหวน้อยๆ มันผ่านการบำรุงชุ่มชื้น ผิวพรรณหลังมือไม่มีแห้งเหี่ยว เล็บยาวได้รับการตัดแต่งได้รูป แต่งแต้มสีสันเป็นสีแดงสดสวยรับกับสีผมเป็นอย่างดี
เจ้าของรถคันนี้เป็นตำรวจ…ตำรวจหนุ่มที่ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน โดดเด่นสะดุดตา ปัดขนตาด้วยมาสคาร่า แต้มริมฝีปากด้วยลิปกลอสสีเบจ และทาเล็บสีแดง
นัยน์ตาสีดำสนิทของคนที่นั่งทางขวาของคนขับหรี่ลงเย็นเยียบ เขาไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง และดูเหมือนยังไม่มีความคิดจะตอบโต้ใครเร็วๆนี้…ชายคนนี้สวมเสื้อแขนยาวสีเทาเข้ม ปลดกระดุมบนออกสองเม็ด เห็นคอเสื้อสีดำที่ใส่ทับไว้อีกชั้น เสื้อนอกยาวสีดำวางหมิ่นเหม่บนพนักพิงด้านหลัง เบาะหุ้มหนังนั้นขาดวิ่นและลอกเป็นขุย เปื้อนผืนผ้าสีดำที่พาดไว้เป็นด่างดวง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบเอาแว่นกันแดดมาสวม ไม่ใช่เพื่อปกป้องตนเองจากรังสีอันตราย แต่เพื่อปกป้องคนอื่นจากสายตาเย็นเยือกที่พร้อมจะกัดกินไม่ต่างจากหิมะบนเทือกเขาห่างไกลในฟรอเซนไฮด์
“เหอะ” หนึ่งในสามคนที่นั่งอัดกันในเบาะหลังบุ้ยปาก เขาเป็นชายตาเดียว ผืนผ้าสีดำแดงลายเครื่องหมายหารปิดตาซ้ายอยู่ ผมสีดำที่เบียดกับเพดานรถมานานชี้ไปทุกทิศทางไม่เป็นทรง เสื้อเชิ้ตซาฟารีสีขาวกับเสื้อยืดด้านในสีแดงให้บรรยากาศสดใส ตัดกับคนที่นั่งหน้าเขาสิ้นดี
ตาขวาข้างเดียวเหลือบมองออกไปนอกรถ บังเอิญสบตากับเธอที่มองมาจากคันข้างกันพอดี ชายคนนั้นยิ้มให้ พร้อมหัวเราะน้อยๆแก้เก้อ ก่อนจะตีสีหน้าราบเรียบ ที่แฝงไว้ด้วยความทุกข์ทรมาน
คนที่นั่งอยู่ตรงกลางเป็นชายผิวเข้ม ดูเหมือนจะมาจากเมืองอื่นทางใต้ หรืออาจจะเป็นคนจากเกาะหาง สีหน้าของเขานิ่งสนิทเหมือนกับสภาพรถในตอนนี้ เสียงทุ้มต่ำพูดชัดถ้อยชัดคำแบบผิดวิสัย ราวกับพยายามสะกดกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้ลึกๆในใจ “ข้าว่าใครสักคนควรจะลงไปดูหน่อยนะ…”
“นายอยากลงก็ลงไปเซ่!” ผู้หญิงที่นั่งริมประตูซ้ายสุดร้องสวนทันควัน “ข้างนั้นเปิดได้อยู่แล้วนี่ เปิดเลย เลห์ม นายลงไปดูเร็วๆ!”
เลห์มเอื้อมมือข้ามชายตาเดียวที่นั่งทำหน้าเบื่อโลกเสียเต็มประดา ชายผิวเข้มขยับมือจับประตูสองสามที ก่อนจะผลักมันสุดแรงจนทั้งรถสั่นสะเทือนดังกึงกัง
“อะไรอีกล่ะ!” ผู้หญิงคนเดิมพูดกึ่งตะโกน
“จะอะไร…ซะอีก…ล่ะ” ชายตาเดียวทวนคำยียวน สีหน้าเหมือนคนอมทุกข์ใกล้ตาย “เออไง มันติด ไม่งั้นฉันลงไปนานแล้ว ไม่ต้องรอให้แกมาเปิดข้ามตัวฉันหรอกเลห์ม”
เลห์ม ไลเซล ขยับยิ้มเล็กน้อย “…แล้วเจ้าไม่บอกก่อนล่ะเรือโท”
ประตูรถด้านหน้าเปิดออกดังแอดอาด คนขับก้าวลงมา ตรงไปเปิดกระโปรงหน้า ยืนนิ่งไปประมาณสิบวินาที ก่อนจะกระแทกปิดมัน แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม ไม่พูดอะไร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าทรงสวยสีแดงมันวับ ยกแนบหู ดวงตาสีเขียวอ่อนกลอกมองทางขวาเป็นระยะ แต่คนข้างตัวดูเหมือนจะสนใจดินฟ้าอากาศมากกว่าคนขับอย่างเขา
“เอ๊ะโทษนะกี่โมงแล้วเหรอ” ตำรวจหนุ่มถาม
“16.47″ เสียงห้าวต่ำพึมพำ ในที่สุดน้ำแข็งฟรอเซนไฮด์ก็เริ่มวิวัฒนาการปากขึ้นมา “อีกสามชั่วโมงสิบสามนาทียี่สิบวินาที”
“ขอบใจจ้ะเจย๋” เจ้าของรถยิ้ม แล้วพูดกับอีกฝั่งปลายสายที่ทักขึ้นพอดี “เฮลโหล…รถเสียอีกแล้วจ้ะ อ่า…งั้นถ้าแท็กซี่?”
“แท็กกกก…ซี่!” หญิงสาวคนเดิมยิ้มกว้าง
“ละไม่ให้มาแท็กซี่แต่แรกวะ” เรือโทตาเดียวบ่นพร้อมกัน ด้วยอารมณ์ที่ต่างออกไป
“โอเคจ้า ห้าครึ่งนะ…จองไว้เลยหก…”
สั่งยังไม่ทันจบประโยค อะไรบางอย่างก็หล่นตุ้บลงบนหลังคารถ แผ่นเหล็กบางกรอบยวบลงตามแรงกระแทก ทั้งรถสั่นเล็กน้อยเหมือนมีอะไรสักอย่างมาเขย่า ทันใดนั้น เสียงเครื่องยนต์ก็กลับมาดังกระหึ่มจนทุกคนไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นอีกต่อไป
“หกไง…หกที่ไว้ก่อน!” ตำรวจหนุ่มสั่งด้วยเสียงดังขึ้น หวังว่าจะกลบเสียงไอ้เครื่องรถเวรตะไลไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่ถึงจะได้ยินก็ช่างปะไร เพราะยังไงเขาก็จะไม่พึ่งพารถบ้าคันนี้อีกแล้วอยู่ดี “แรนดอล์ฟอาจจะตามมาที่ร้านก็ได้ ใช่…เรามีกันหกคนจ้ะ มนุษย์ล่องหนก็คือคนนึงนะจ๊ะเธอ”
เรือโทตาเดียวเหลือบมองเธออีกครั้ง หญิงสาวขมวดคิ้วหลังแว่นสายตา เป็นเชิงสงสัยว่าพวกเขามาทำอะไรกัน ชายหนุ่มมองตอบด้วยตาขวาข้างเดียว อารมณ์ของเขาดูจะดีขึ้นทันตาเมื่อบทสนทนาของคนขับรถเริ่มเป็นการวางแผนเกี่ยวกับมื้อเย็น
“พวกนี้ก็แบบนี้ตลอดล่ะครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ เธอได้ยินชัดเจน เพราะรถคันนั้นไม่มีหน้าต่าง “ถึงโคตรจะสามัคคีแบบนี้แต่สุดท้ายก็พึ่งพาได้…”
สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว หญิงสาวยิ้มตอบ
“โชคดีนะคะ เรือโท”เท้าแตะคันเร่งแผ่วเบา นำรถคันเล็กสีบลอนด์เงินให้แล่นนำออกไปอย่างราบรื่น หญิงสาวเหลือบมองในกระจก เธอเห็นชายที่นั่งเงียบข้างคนขับในรถเก่าคันนั้นมองตรงมา เขาถอดแว่นกันแดดแล้ว ใบหน้าคมเรียวดูดุดันชวนให้คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด ชายคนนั้นยักมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย พึมพำบางอย่าง ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันได้ยิน
รถยนต์คันใหม่ประดับตรายี่ห้อรูปตัว L ทรงเหลี่ยมของลัคลันน์จากฟรอเซนไฮด์ พ้นสายตาไปในที่สุด
เจย์ อิสฟาเกล เท้าแขนกับจุดที่ควรจะเป็นหน้าต่างรถ คาบบุหรี่ไว้ในปาก จุดไฟ แล้วพ่นควันสีเทาจางให้ลอยไปด้านบน ไม่สนใจเสียงร้องโอดครวญประท้วงจากผู้หญิงที่นั่งเยื้องกับเขา…นาวาอากาศโท เวนโต้ อกิเล่ร์ ที่เริ่มขยับตัวมาข้างหน้า แล้วเริ่มบ่นเหม็นบุหรี่ใส่อีกชุดใหญ่
ใครสักคนไอค่อกแค่กจากสารพิษทำลายปอด เรืออากาศโท ซาคอน เซฟิรอส อดเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ศีรษะเขาแทบจะชนอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ เขารู้สึกได้ว่าเสียงนั้นมาจากด้านบน ทิศทางของมันชัดเจน…แต่จะเป็นไปได้อย่างไร
เลห์ม ไลเซล เหลือบมองท่าทีของเรือโทตาเดียว แล้วจึงละสายตามองรอยบุบบนเพดาน มุมปากของเขายกขึ้นนิดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เจ้าของรถขับประคองรถออกไปช้าๆ ผมสีแดงเพลิงปลิวตามลมอุ่นที่พัดเข้ามา อดเหลือบมองคนอัดมะเร็งเข้าปอดข้างตัวอย่างนึกรังเกียจเล็กน้อยเป็นไม่ได้
“ขับรถไปครับ โจเซฟ ลาโดริน”
เจย์ลากเสียงยานคาง ราบเรียบราวกับหุ่นยนต์
โจเซฟหน้าขึ้นสีเล็กน้อย แต่ไม่มีใครเห็นเพราะเขาทารองพื้นมาเป็นอย่างดี…ตำรวจหนุ่มจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ พ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า…แล้วเหยียบคันเร่งเต็มแรงให้จมมิด!
…แต่ อนิจจา…รถกระป๋องก็ทำได้แค่ปุเลงๆต่อไป ความเร็วของมันไม่ต่างอะไรกับทารกหัดเดิน แต่ก็ยังจำเป็น…ตราบจนจอดริมทางได้ แล้วค่อยหาแท็กซี่ขึ้นเปลี่ยนคัน
——
อากาศที่นี่กึ่งร้อนกึ่งหนาว ตลอดวันนี้ แสงแดดอบอุ่นตัดกับอากาศเย็นจากฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งย่างเข้ามา ดวงอาทิตย์สาดแสงแรงกล้าราวกับอัดอั้นตันใจมาตลอดฤดูหนาว เนื่องจากเป็นเขตอบอุ่นค่อนไปทางเหนือ ยิ่งใกล้ฤดูร้อนมากเท่าใด กลางวันก็ยิ่งยาวนานขึ้นเท่านั้น
หนึ่งทุ่มครึ่งจึงเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน และท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงทุกที
คุณผลักประตูไม้ติดกระจกออกไป กระดิ่งที่ขอบบนส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งน้อยๆ หลบหนีจากเสียงพูดคุยเบาๆเคล้าคลอดนตรีที่ดังออกมาจากลำโพง คุณยืนอยู่ข้างนอก รอให้บานประตูปิดลงเอง แล้วมองผ่านกระจกหน้าร้านเข้าไป
ผู้ชายคนที่นิ่งสงบที่สุดผุดลุกขึ้นจากโต๊ะด้านในสุด เขาคว้าเสื้อนอกยาวสีดำสนิทขึ้นสวม มือหยิบแผนที่จากกระเป๋าเสื้อออกมากาง ปรายตามองจนทั่ว ก่อนกราดมองเพื่อนร่วมโต๊ะทีละคน พูดอะไรบางอย่างโดยไม่สนใจเสียงหยอกล้อของผู้หญิงคนเดียวในนั้นเลยแม้แต่น้อย เธอหัวเราะลั่น ทุบโต๊ะเสียงดังจนจานชามแก้วสั่นรุนแรง จนลูกค้าโต๊ะอื่นหันมองเป็นตาเดียวกัน หญิงสาวจึงยิ้มแหยๆ หัวเราะเสียงแห้ง อ้อมแอ้มขอโทษขอโพยแล้วเบือนหน้าหนี ใต้เรือนผมสีเข้ม ใบหูของเธอขึ้นสีแดงเล็กน้อย
ชายเสื้อคลุมดำเดินเลี่ยงออกมายังริมประตูอย่างสุดจะทน เขาหยิบซองบุหรี่สีขาวออกมา บรรจงดันบุหรี่มวนหนึ่งคีบไว้ด้วยปลายนิ้ว นัยน์ตาสีนิลเหลือบมองคนที่โต๊ะอีกครั้ง แล้วผลักประตูออกก่อนจะจุดไฟ
ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งตัดท้องฟ้าดำมืด…ชายคนนั้นยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เขาไม่สนใจคุณ คุณมองเขาได้อยู่ไม่นาน ก่อนจะตระหนักว่าการทำเป็นไม่สนใจเขาเป็นเรื่องที่ฉลาดกว่า
ร้านอาหารท้องถิ่นของเลมูเอลาเสิร์ฟอาหารเป็นชุด เริ่มจากซุป สลัดหรือของทานเล่น อาหารจานหลัก ตบท้ายด้วยขนมหวาน มีขนมปังในตะกร้าเล็กกองกลางให้เลือกรับประทาน…ที่โต๊ะนั้นมีจานขนมหวานอยู่หกจาน สามจานวางอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนอีกสามกองอยู่รวมๆกันบริเวณที่ผู้หญิงคนเดิมเพิ่งลุกออกไป นอกจากผู้หญิงคนนั้น ที่โต๊ะด้านในยังเหลืออีกแค่สองคน…หนึ่งในนั้นคุณรู้จักดี ส่วนอีกคนไม่คุ้นเคย เพียงแต่เคยเห็นหน้ากันอยู่บ้าง
“เจย์!” หญิงสาวผลักประตูสุดแรง หันขวับมองชายชุดดำที่ยืนสูบบุหรี่รออยู่ เขาไม่ตอบ และไม่ใส่ใจจะมอง “โจซมายัง?”
เจย์เหลือบมองด้วยหางตาอย่างดูถูกเหยียดหยาม แต่หญิงสาวคนนั้นกลับหัวเราะใส่…คุณรู้สึกได้ว่าเสียงหัวเราะนั้นดูไม่ร่าเริงเหมือนเคย สีหน้าของเธอไม่สู้จะดี
“หรือว่านางโดนเงาโฉบ…”
ยังไม่ทันจบประโยค เสียงกรี๊ดที่ไม่เหมือนผู้หญิงเท่าใดก็ดังออกมาจากอีกมุมตึก คุณหันตามเสียง เพ่งสังเกตทุกสิ่งอย่างเงียบเชียบ ระแวงระไว
ไฟถนนส่องสว่างสม่ำเสมอ แต่เส้นสายสีดำบางอย่างพัดเคลื่อนว่องไวหายลับไปทางนั้น
คุณวิ่งตามสุดฝีเท้า นำหน้าผู้หญิงคนนั้นอยู่เล็กน้อย คุณเหลือบมองด้านหลัง เห็นเจย์กราดมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าปลอดภัย ก่อนจะวิ่งตามมา
“อย่าเข้ามานะ!” ใครคนหนึ่งกรีดเสียง คุณชะลอฝีเท้าจนแทบจะสะดุดคะมำ เมื่อมองเห็นผมสีแดงเพลิง แผ่นหลังนวลขาว…
และกางเกงในจีสตริงสีแดง
“เวนโต้!” ชายหนุ่มสวมชุดเปิดเผยโยนถุงย่ามใบหนึ่ง ผู้หญิงที่ชื่อเวนโต้เอื้อมสุดแขนคว้ามันไว้มั่นโดยไม่รั้งรอ เธอล้วงหยิบของชิ้นหนึ่งออกมา พลางเร่งความเร็วของตนจนสุดกำลัง แล้วกระโดดพุ่งทะยานตรงไปตะครุบเงาทะมึนของอะไรบางอย่าง ทั้งคู่กระแทกลงกับพื้น เวนโต้กระชากขยุ้มสีดำในมือตนขึ้นมา ก่อนจะฟาดอาวุธอีกมือหนึ่งลงไปสุดแรง!
“ย้ากกก!!”เสียงบางอย่างวาดผ่านอากาศดังขวับ คลื่นความมืดเริ่มกลั่นตัวรวมเป็นบางสิ่งที่มองเห็นชัดเจน ชุดเครื่องแบบตำรวจพัดพลิ้วอยู่อีกฝั่งหนึ่งของรยางค์สีดำ ความมืดนั้นฉีกยิ้มจากใต้ร่างของเวนโต้ มันหัวเราะเยาะเย้ยได้อยู่ไม่ถึงวินาที ก่อนจะถูกแผ่นกระดาษอีกปึกที่เหลืออยู่ในมือของเธอฟาดเข้ากึ่งกลางระหว่างจุดสว่างที่ดูเหมือนตาอย่างไม่ปรานี
กระดาษแผ่นหนึ่งปลิวร่วงไถลตามพื้นผิวของเงาลึกลับลงมา รองเท้าคอมแบตสีดำสมบุกสมบันข้างหนึ่งเหยียบทับมันอย่างไม่ตั้งใจ ท่อนขาแกร่งสวมกางเกงทหารสีน้ำตาลเข้มเกือบดำขยับแปเท้าก่อนเตะไสกองกระดาษนั้นให้พ้นพื้น แปะเรียงตัวเป็นแถบเข้ากับส่วนหนึ่งของเงาเคราะห์ร้ายต่างยันต์ปราบผี
“นั่นอะไรน่ะ…” ชายผิวเข้มที่เพิ่งเตะกระดาษบางอย่างยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เลห์ม ไลเซล ย่อตัวลงสังเกตแผ่นกระดาษที่ดูเหมือนจะช่วยหยุดการเคลื่อนไหวของเงาได้อีกเล็กน้อย
“ความสัมพันธ์ในข้อใดเป็นฟังก์ชั่น!” เวนโต้รีบอ่านตามตัวอักษรบนกระดาษอย่างไม่ยั้งคิด “ผลบวกของอนุกรมเรขาคณิตลบหนึ่งบวกลบสองบวกสี่บวก…”
โพยข้อสอบโอเน็ต กำลังแผดเผาด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เวนโต้ทุ่มแรงปลุกปล้ำกับเงาด้วยท่วงท่าประหลาดพิสดารอยู่พักใหญ่ เธอขยับเท้าเตะฟาดที่รยางค์หนึ่งของมัน แผงวงจรและเศษเหล็กรูปร่างพิลึกพิลั่นกระเด็นกระดอนออกจากกลุ่มความมืด ไถลไปทั่วพื้นถนน เกราะบ่าเครื่องแบบตำรวจลอยไปกระแทกกับกำแพงอิฐ ก่อนจะร่วงครูดพร้อมกับผ้าคลุมสีสดลงสู่พื้น
โจเซฟ ลาโดริน ในเสื้อคลุมยาวสีดำวิ่งเท้าเปล่าตรงมาอย่างกระหืดกระหอบ มือยึดขอบชายเสื้อที่ยังไม่ได้ติดกระดุมแค่พอไม่อุจาดตา เวนโต้กระชากกลุ่มเงาออกมาเป็นแขนหนึ่งข้าง เธอสบตากับตำรวจหนุ่มเป็นสัญญาณให้เขาสะบัดกุญแจมือโลหะกำราบมันในพริบตา
“แว้กกกก” เป็นเสียงของเงาที่โหยหวนเฮือกสุดท้าย เสียงเหมือนลมปล่อยจากลูกโป่งที่ถูกเจาะจนแบนฟีบ เงาขโมยอันยิ่งใหญ่บัดนี้เหลือเพียงแผ่นบาง เส้นคล้ายปากของมันบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวดเสียเต็มประดา
เวนโต้หอบหายใจ เธอเหนื่อยเกินกว่าจะเปล่งเสียง แต่ก็อดแค่นเสียงสบถก่นด่าเจ้าเงาชั่วร้ายสองสามคำไม่ได้ มือเรียวโยนถุงย่ามไปข้างตัว
ถุงบรรจุของวิเศษกองพับยู่ยี่อยู่ข้างตัวคุณพอดิบพอดี ทบทับปิดปากถุงด้วยเนื้อของตัวเอง มองไม่เห็นของที่อยู่ภายใน…คุณย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะแตะมันอย่างเบามือ
“โอย…ขอบคุณมาก…” โจเซฟโอดครวญ พลางวิ่งตัดหน้ารถยนต์ไปยังเครื่องแบบของตนที่อยู่อีกฝั่งถนน ไม่สนใจแสงไฟสาดแรงและเสียงแตรดังสนั่น เขาย่อตัวลงเก็บชุดของตนขึ้นมาปัดๆ หอบไว้ในอ้อมแขน
“ยี้! โพยข้อสอบบ้าอะไรเนี่ย…อี๋ยยยย” เวนโต้ร้องลั่น เธอกรีดนิ้วยกกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นระดับสายตา ทำหน้าขยะแขยง ก่อนค้อนขวับใส่โจเซฟที่อีกฝั่ง “ของวิเศษทั้งทีไม่มีอะไรดีๆหน่อยรึไงยะะ”
“เอาน่า…มันใช้ได้ก็พอแล้วล่ะมั้ง” เลห์มย่อตัวลงแกะแผ่นกระดาษออกจากเงาร้ายที่สั่นระริก “นอกจากคณิตแล้วยังมีสุขศึกษา พละ ศิลปะ การงานอาชีพ” เขาหยิบมันด้วยปลายนิ้ว ยื่นตรงให้หญิงสาว “เจ้าจะดูไหม?”
“จะอะไรอีกล่ะ!” เวนโต้ตะโกนตอบ ชัดเจนว่าไม่สนใจจะดู เธอหันมองโจเซฟที่วิ่งตัดหน้ารถบรรทุกอีกคันกลับมาด้วยเครื่องแบบเต็มตัว “โจซ…นี่พวกหล่อนขาดแคลนถึงกับต้องเอาโพยข้อสอบมาใช้เลยปะ?”
เหงื่อของตำรวจหนุ่มลบรองพื้น บีบีครีม และแป้งปรับผิวไปหมดแล้ว โจเซฟหน้าแดง ไม่มีอะไรปิดบังได้เลย
“โอ๊ยอย่าบ่นน่า…ชั้นน่ะ–”
แสงสว่างทุกอย่างดับลงชั่วขณะ เงาดำแผ่ปีกกว้าง โฉบวูบเหนือศีรษะของคุณไปยังอีกทิศหนึ่ง มุ่งตรงสู่ใจกลางเมือง
“ฉิบ…” ชายตาเดียวที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายอุทานเบาๆ ทุกคนได้ยิน เพราะมีแต่เขาคนเดียวที่พูดออกมา
“ข้าเห็นด้วยนะเรือโท” เลห์มที่กำลังตามเก็บข้าวของจากบนพื้นพูดขึ้น ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไป ชายผิวเข้มสบตากับเจย์ที่ยืนคุมเชิงอยู่หัวมุมถนน เจย์ยิ้มให้เล็กน้อย แล้วโบกแท็กซี่คันแรกที่มาถึง “ดาวน์ทาวน์ครับ” เจย์เปิดประตูรถ ให้เลห์มกระโจนเข้าไปโดยไม่มีคำขอบคุณใดๆ เขาดูจนเวนโต้และซาคอนเข้าไปนั่งประจำที่ แล้วจึงขมวดคิ้วน้อยๆ
“โจเซฟล่ะเวนโต้?”
“เดี๋ยวนางลากเงาไปส่งสถานีก่อนแล้วตามไป” เวนโต้โบกมือต่างพัด เธอโยนถุงบรรจุของวิเศษส่งๆไปบนตักซาคอนที่นั่งตัวลีบอยู่ข้างๆ
“อื้ม” เจย์พยักหน้า เขาหันมองคนขับแท็กซี่ ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “งั้น…ดาวน์ทาวน์ครับ เหยียบมิด ช่วยตามเงาตะกี้ไปให้ทันทีนะครับ ขอบคุณมาก”
ประตูรถกระแทกปิดลงพร้อมๆกับที่แท็กซี่คันนั้นแล่นจากไป คุณยังอยู่ที่นั่น โจเซฟ ลาโดริน กำลังลากเงาไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด ซึ่งอยู่ถัดออกไปอีกประมาณห้าช่วงตึก ถนนที่เคยวุ่นวายยังมีแผ่นข้อสอบเหลืออยู่ประปราย ส่วนใหญ่ถูกเหยียบทับจนแนบติดถนนจากรถที่สัญจรผ่านไปมา
คุณมองตามท้ายรถแท็กซี่ จำเลขทะเบียนและตราสัญลักษณ์ทั้งหมดไว้ในใจ ก่อนจะวิ่งตามชายชุดดำคนหนึ่งไป
รถตู้คันหนึ่งแล่นผ่านมาจากด้านหลัง สายลมพัดวูบ คุณกอดของชิ้นหนึ่งเอาไว้ หลับตาลงเมื่อทั้งร่างลอยขึ้นสูง ลมจากขอบหลังคาพยุงคุณเอาไว้ไม่ให้ร่วงกลับสู่พื้น คุณมองจากด้านบน เห็นชายชุดดำวิ่งสุดกำลัง ด้านหน้าของเขาคือเจ้าเงาร้ายตัวหนึ่งที่ส่งเสียงหัวเราะเหยียดเยาะแว่วดัง มันชูแขนขึ้นสูง เหวี่ยงนาฬิกาข้อมือทำจากโลหะชั้นดีรอบปลายนิ้วช้าๆเหมือนกำลังเล่นฮูลาฮูป
ชายคนนั้นโยนบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดทิ้งลงอย่างไม่ไยดี เขาคงจะถูกปรับเงินในไม่ช้า…แต่นั่นไม่สำคัญ
คุณเหลือบลงมองของสิ่งหนึ่งในมืออย่างหวาดหวั่น ทุกสายตาของคนด้านล่างมองตรงมายังคุณ มันชัดเจน
“กางเกงในลอยได้!”
ให้ตายเถอะเทพเจ้าสายลมรวมหัวกลั่นแกล้งคุณอย่างสาสม
——
อนึ่ง
และอีกคน คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
….
พยายามเข้านะ…. /ซับ