World of Mirrors(Main Quest - Saving Oneself (มิติเวทแปรปรวน))ROYAL MILITARY #1163 - Silvanus Tsuchida Where: Tokyo, Japan, Meiji Period
When: 1 - 3 February 1028
For How Long: Six months.
Index of Chapters01 - Refraction
*complete - เลื่อนลงไปอ่านได้เลยค่ะ*02 - Mirage
03 - Reflection
04 - ???
01: Refractionอำนาจลึกลับที่ถูกเรียกว่ามิติเวท มีพลังดึงดูดคน สัตว์ สิ่งของ เข้าไปในตัวของมัน ลบการมีอยู่ของสิ่งนั้นในที่เดิม แล้วนำส่งสู่สถานที่ใหม่
พลทหารซิลวานัส ซึจิดะ ไม่มั่นใจว่ารูหนอนเชื่อมโลกนี้มีฤทธิ์ดูดกลืนความทรงจำของใครก็ตามที่หลุดเข้าไปได้ด้วยหรือไม่
เพราะภาพ เสียงและสัมผัสสุดท้ายที่ตนจดจำได้ก่อนหมดสตินั้น มีเพียงเสียงประกาศชัยเหนือผืนป่าใหญ่ กลิ่นระเบิดและควันไฟที่ยังไม่ทันเจือจางดี ความรู้สึกเจ็บที่หน้าท้อง
และเสียงของเด็กสาวร้องเรียกขณะที่ตัวเขาเองพลัดตกจากหลังเฟรอุส
“ซิลวานัส!”
สิ่งแรกที่เรียกสติให้กลับคืนมาได้คือกลีบดอกไม้ เบาบาง ลอยละล่องลงมาแนบข้างแก้มอย่างนุ่มนวล
ชายหนุ่มฝืนเปิดเปลือกตาหนักแล้วยันตัวขึ้นนั่ง แม้จะยังแสบแผลใหญ่ไม่หายก็จำต้องใช้สมองเรียบเรียงความคิด
ชื่อบนเครื่องมือสื่อสารของกองทัพยังถูกต้องตรงตามที่ตนจำได้ เขาคือพลทหารใต้สังกัดองค์ชายรัชทายาท เข้าร่วมสงครามที่อิคดราซิล-- ใช่ อิคดราซิล! ถึงจะพลาดท่าโดนเล่นงานจนต้องนอนซมไปนาน แต่สุดท้ายกองทัพทหารหลวงก็ชนะ
แล้วก็โดดมิติเวทดูดมาปล่อยไว้ที่นี่ ซึ่งก็เป็นที่ไหนก็ไม่รู้
และเมื่อลองสังเกตดูอีกที ก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังเฝ้ามองอยู่
จะว่าไป รอบข้างที่เพิ่งลองกวาดสายตามองก็เป็นป่า
บางทีซิลวานัสอาจจะโชคดีที่มิติเวทไม่ได้พาเขาไปส่งลง ณ ที่ใดที่ห่างไกลจากพิกัดเดิมนัก และอาจจะโชคร้าย หากตัวอะไรก็ตามที่จับเขาเอาไว้ในทัศนวิสัยคือศัตรูที่ยังหลงเหลืออยู่!
คิดเช่นนั้นชายหนุ่มก็รีบวาดมือออกไปอย่างไม่ทันยั้งคิดว่าประกาศิตวิหคชาดจะสิ้นฤทธิ์ไปแล้วหรือยัง ศัตรูใจเสาะถอนตัววิ่งหนีไปโดยเร็วฉับพลันที่มวลพฤกษาขยับไล่ตาม เสียงร้องที่เจ้าตัวเผลอปล่อยออกมาแหลมเล็กจนพลทหารคาดเดาว่าเป็นทหารหญิงของฝ่ายศัตรู ดวงตาสีเขียวหรี่ลงเมื่อเจ้าของพยุงร่างตนเองขึ้นยืน มือกุมท้องที่ยังส่งกระแสความรู้สึกเจ็บแปลบปลาบมาเป็นระยะ
--สงสัยแผลจะเปิดอีกตอนหล่นมาอยู่ที่นี่--แล้วจึงออกตัววิ่งตามไป
เงาของผู้หญิงร่างเล็กแต่วิ่งไวเหลือเชื่อปรากฏอยู่ลางๆ ที่ตรงหน้าเขา พอเพ่งจนมองเห็นว่าชุดที่ใส่ไม่น่าจะเป็นชุดสำหรับออกรบด้วยซ้ำก็ยิ่งประหลาดใจ
แต่ไม่ทันที่ซิลวานัสจะลองตะโกนเรียกหรือเร่งฝีเท้าเข้าไปหา เงานั้นก็หายไป
พร้อมกับอาณาเขตของผืนป่าที่สิ้นสุดลง
“เอ๊ะ”
พนักงานแบกรถลากเกือบวิ่งชนซิลวานัสที่เพิ่งก้าวออกมาจากพงไม้ ทหารหนุ่มรู้สึกตัวว่าตนกำลังอ้าปากค้างยามที่มองไปรอบกายแล้วมองเห็นตึกรามบ้านช่องเรียงเป็นแถว ผู้คนเดินขวักไขว่ ชายบางคนสวมสูท หญิงสวมชุดเดรสฟูฟ่อง ในขณะที่ที่เหลือสวมเสื้อผ้าคล้ายกระโปรงยาวคลุมเกือบถึงเท้า เสื้อแขนยาวรุ่มร่ามแบบที่ไม่น่าจะพบเห็นได้ตามปกติหากเขาถูกมิติเวทนำมาส่งที่ชายป่าอิคดราซิล
แต่เป็นป่าสักที่...ในจื้อ?
ความสงสัยเริ่มบังเกิดข้างในศีรษะเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ เขาอาจจะคิดไปเองว่าเกือบทุกคนที่ตนมองเห็น ณ ขณะนี้มีผมและตาสีดำ (ไม่นับรวมบางคนที่มีผมสีทอง) บางทีที่นี่อาจจะเป็นย่านสักย่านในจื้อที่เขาไม่ค่อยได้เข้ามาข้องเกี่ยวเท่าใดนัก และยิ่งไปกว่านั้น ความหิวที่ก่อตัวขึ้นในท้องก็รบกวนให้ชายหนุ่มไม่อยากจะใช้สมองคิดอะไรให้มากในตอนนี้ ซิลวานัสเดินมุ่งไปทางอาคารที่น่าจะเป็นร้านอาหาร ไม่ทันสนใจสายตาเคลือบแคลงที่จ้องมอง
เหมือนเขาไม่ใช่คนของที่นี่
“เอ๊ะ”
คำอุทานบ่งความประหลาดใจหลุดออกมาจากริมฝีปากเป็นครั้งที่สองเมื่อภาพที่ดูเหมือนจะปกติแต่ไม่ปกติปรากฏแก่สองตา
บรรยากาศในสถานที่ที่ซิลวานัสคาดว่าเป็นร้านอาหารทั่วไปไม่ได้แตกต่างไปจากร้านอื่นในจื้อที่เขารู้จัก แต่รายการอาหารที่เขียนแปะบนป้ายแต่ละแผ่นเรียงตามกำแพงนั้นคือตัวหนังสือที่เขา
“อะ...อ่านไม่ออก...”
ใจเย็นไว้ ซิลวานัส
ผู้ชายที่นั่งเก้าอี้ถัดไปเริ่มมองเขาด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจ ผู้หญิงผมยาวอีกคนที่อยู่ไกลกว่าก็ชายหางตามองมาทางนี้เหมือนกัน
เย็นไว้ พลทหาร!
นี่อาจจะเป็นแค่ร้านอาหารเก่าแก่ระดับเจ้าคุณปู่ที่เจ้าของร้านเป็นพวกอนุรักษ์นิยมขั้นเทพก็ได้ ตัวหนังสือพวกนั้นอาจจะเป็นภาษาโบราณสายที่ท่านพ่อไม่ได้สอนเอาไว้ก็ได้
จิ้มสั่งสักอย่าง แล้วทุกอย่างจะดีเอง ลุย! ลุยลุยลุย!
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ชี้นิ้วฝากชะตากรรมของปากท้องตนไว้ที่แผ่นป้าย
ที่อ่านว่าอะไรวะอ่านไม่ออกโอยอยากจะร้องไห้เป็นภาษาเอชลิคท่านพ่อช่วยผมทีครับตรงหน้าทันที
ก้อนเส้นแป้งสาลีแช่ตัวในน้ำซุปร้อนรสเต้าเจี้ยว
โรยหน้าด้วยเนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นบางๆ สาหร่ายแผ่น และต้นหอม
ขอบคุณองค์โรเซลีนน์ที่มันเป็นแค่บะหมี่ธรรมดา
(อันที่จริงต่อให้ของที่สั่งเป็นหินอุกกาบาตลึกลับเขาก็คงกินอยู่ดีแต่จะขอละไว้เพื่อรักษาบรรยากาศเนื้อเรื่องที่ดีงาม)ซิลวานัสประกบสองมือเข้าหากันแล้วพึมพำคำกล่าวขอบคุณสำหรับอาหารอย่างที่ทำเป็นประจำ โชคยังดีที่เขาพกเงินมาบ้างก่อนเข้าอิคดราซิล
(ซึ่งมาคิดดูอีกทีก็นึกสงสัยว่าพกมาทำไมวะ) เขาไม่รู้ว่าบะหมี่ถ้วยนี้ราคาเท่าไรจึงตัดสินใจเทเหรียญพินและธนบัตรดีเรลทุกชื้นทุกแผ่นที่ล้วงเจอตามกระเป๋าเสื้อสีดำของกองทัพลงต่อหน้าคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน
ชายแก่สวมผ้าโพกหัวมองตามเหรียญและแผ่นกระดาษที่ร่วงหล่นด้วยสายตาอันยากจะคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ก่อนเงยหน้าขึ้น
“ที่นี่ไม่รับเงินต่างชาตินะ พ่อหนุ่ม”“เอ๊ะ” ครั้งที่สามของวันนี้ถูกปล่อยออกไป ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างแบบที่ถ้ามีรูปเครื่องหมายคำถามปรากฏกลางตาได้อย่างผีเสื้อของเผ่าเลปทีร์ได้คงมีไปแล้ว “อ๋า ไม่ได้หรือครับ? หรือว่าไม่พอครับ?”
ซิลวานัสคงไม่ได้คิดไปเองว่าพี่กล้ามใหญ่สองคนหลังคุณลุงเจ้าของร้านเริ่มส่งรังสีไม่เป็นมิตรมาทางเขา ทหารหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดลงคออย่างไม่ประสงค์จะมีปัญหากับพลเรือน บางทีบะหมี่ที่นี่อาจจะมีส่วนผสมที่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ
(ซึ่งเขาก็ไม่รู้หรอก อะไรกินได้ก็กินไป) จนแพงกว่าร้านทั่วไป เขาควรจะทำอย่างไรเมื่อพกเงินมาแค่นี้
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ บ้านผมก็อยู่ในจื้อนี่แหละ เดี๋ยววิ่งกลับไปยืมเงินท่านพ่อมาจ่ายให้แป๊บเดียว-”
“เด็กๆ” ตาแก่ไม่รอฟังเขาพูดจบเสียด้วยซ้ำ ชายอุดมกล้ามทั้งสองก็ลุกขึ้นประหนึ่งสั่งได้ดั่งใจ
แย่ล่ะสิ สงสัยคงรับแต่เงินสดกินเดี๋ยวนั้นจ่ายเดี๋ยวนี้
ซิลวานัสข่มใจให้สงบเยือกเย็น แม้เหงื่อกาฬจะไหลบ่าเสมือนหลุดมาอยู่กลางทะเลทรายร้อน แล้วค่อยพูดประโยคประนีประนอมออกมาช้าๆ ชัดถ้อยคำ
“เดี๋ยวผมช่วยล้างจานชดใช้ให้ก็ได้ครับ”
วัตถุสงบศึกอย่างแรกที่ลอยมากระแทกใบหน้าซื่อๆ ของพลทหารซิลวานัสคือถ้วยกระเบื้อง
เขาจำไม่ค่อยได้ว่าชายแก่เจ้าของร้านส่งเสียงล้งเล้งต่อว่าอะไรเขาอีก
จำได้ว่าพี่กล้ามหน้าโหดสองคนวิ่งเข้ามาหา พยายามจะจับเขาให้ได้
แล้วต้นไม้ประดับในร้านก็เกิดอาละวาดขึ้นมา คงเป็นเพราะเขาตกใจ
และท่ามกลางความวุ่นวาย ซิลวานัสก็พบว่ามีมือเล็กๆ คว้าเขาเอาไว้แล้วพาตัวออกจากร้านไป
“ฉันจ่ายค่าราเม็งแทนคุณแล้วนะ หาเงินเองได้เมื่อไหร่ใช้คืนด้วย เขาใจไหม?”เธอสวมชุดกระโปรงกับแขนเสื้อยาวรุ่มร่ามเหมือนกับที่พี่สาวของเขาชอบใส่ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะกับการวิ่งแบบที่กำลังทำอยู่ตอนนี้เลย
ซิลวานัสผงกตอบ
“แถวนี้เขาไม่รับเงินสกุลอื่น เหรียญกับแผ่นกระดาษที่คุณมีใช้ที่นี่ไม่ได้หรอก”เขาผงกอีกครั้ง พอเริมตั้งสติได้ก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้คนเดียวกันกับที่ชายตามองเขาในร้าน
แล้วก็เป็นคนเดียว...กับที่แอบดูเขาในป่า? ลางสังหรณ์บอกว่าเป็นเธอแม้โลกนี้
(โลกไหน?) จะมีผู้หญิงผมสีดำยาวถึงเอวอยู่มากมายก็ตาม
“....นี่คุณ” ฝีเท้าของเธอชะลอลงเมื่อรอบกายไม่ใช่พื้นที่กว้างแต่เป็นตรอกแคบแห่งหนึ่งแทน ชายหนุ่มทำได้เพียงวิ่งตามแล้วจ้องตอบตั้งใจฟัง
แม้จะฟังไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม
อันที่จริงก็งงอภิมหางงตั้งแต่กับคุณลุงเจ้าของร้านแล้วล่ะครับดวงตาสีเดียวกันกับเส้นผมละเอียดหรี่มองร่างสูง
“คุณฟังฉันไม่ออกเลยใช่ไหมคะ?”ไม่รู้ว่าพูดอะไรแต่ขอยิ้มตอบก่อนได้ไหมครับ
ท่านพ่อ ผมคิดว่าผมอยากจะร้องไห้แล้วล่ะ
ดูเหมือนว่า
ผมจะหลุดเข้ามาอยู่ในโลกคู่ขนานของจื้อเสียแล้วล่ะครับ
To Be Continued.