หญิงสาวถูกปลุกให้ตื่นในยามเช้ากว่าปกติด้วยเสียงเดินกึงกังวนไปมาในห้อง
“โรนี่?” เธอเปิดผ้าที่มักจะใช้คลุมหน้าเวลานอนขึ้นมามอง “มีอะไรงั้นเหรอ?”
กัปตันเรือร่างเล็กก้มลงมองอีกฝ่ายที่ยังคงนอนอยู่ในเปลก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ “ดูเหมือนจะมีเรือพยายามตามเรามา”
“เอ๋” ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็ผุดลุกนั่ง “เรืออะไร ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่รู้เหมือนกัน บนรังกาเห็นไฟไกลๆตั้งแต่ย่ำรุ่งแต่แป๊ปเดียวก็หายไป ตอนนี้ที่เห็นที่ขอบฟ้าก็ไม่รู้ว่าลำเดียวกันรึเปล่า”
“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“ไม่รู้”
“อ้าว”
“ตอนนี้เราแทบจะไม่ได้ลมเลย ได้แต่ตามกระแสน้ำไปเรื่อยๆ”
คาน่อนพยักหน้า “มีวี่แววว่าอาจจะยุ่งสินะ”
“ใช่ ยุ่งมากๆด้วย ถ้าตื่นแล้วก็ไปหาอะไรกินซะไปก่อนจะไม่มีโอกาส”
เธอพยักหน้ารับก่อนอีกฝ่ายจะเดินหายไป
ชั่วโมงต่อมาเมื่อหญิงสาวจัดการแต่งตัวเสียใหม่ กินข้าว ตรวจเช็คอาวุธเรียบร้อยก่อนจะโผล่ขึ้นมาบนดาดฟ้า ที่นั่นเธอเห็นต้นหนกับคนยามกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดพลางส่องกล้องไปทางเรือเจ้าปัญหาลำนั้นเป็นระยะ กระทั่งในที่สุดดาบิดก็ตะโกนสั่งลูกเรือที่อยู่ใกล้ๆให้รีบไปตามกัปตันที่หายไปในห้องเคบินท้ายเรือกลับมาโดยด่วน
“กัปตัน ท่าไม่ดีแล้วว่ะ”
เฒ่าแกรนท์รายงานทันทีเมื่อโรนัลด์วิ่งออกมาจากเคบินพร้อมกับแผนที่อะไรบางอย่างที่ยับย่นในมือ
“ฝ่ายนั้นชักธงสงครามหรา--ธงแกลลีย์สามแถบกับตราอินทรีดำ”
“เรือรบสเปน!? เวรเอ๊ยได้ไงวะ อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็จะถึงเปอร์โตริโก้แล้วแท้ๆ”
โรนัลด์อุทานก่อนจะดึงกล้องอันใหม่เอี่ยมของตัวเองที่เพิ่งปล้นมาได้ไม่นานออกมาใช้
“ใช่ ฟรีเกตลำใหญ่ เกือบขึ้นship-of-the-lineได้เลย”
สีหน้าเคร่งเครียดที่แทบไม่เคยเห็นจากกัปตันในตอนนี้ยืนยันสิ่งที่เฒ่าแกรนท์พูดได้เป็นอย่างดี
“ดาบิด! ตอนนี้สเปนมีฟรีเกตระดับสี่สิบปืนด้วยเหรอ!?”
กัปตันหันกลับมาถามชายผู้เคยเป็นนายเรือแห่งราชนาวีสเปน ผู้มีสีหน้าเครียดพอๆกันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ที่ข้ารู้คือ‘เคย’มี ลำสุดท้ายที่ข้ารู้ว่ามีคือเพรล่า เด เอสปันญ่า แกก็รู้จัก แต่มันจมไปนานแล้วนี่”
“งั้นนี่มันอะไรกันวะ”
“จะไปรู้กับแกเรอะ ถามโรซามุนด์เอาสิ”
“
โรซามุนด์บ้านแกสิพูดได้! ให้หูหลุดสิ--กลับลำ! หักซ้ายเต็มตัวแล้วกลับลำโว้ย! จะอยู่ให้พ่-แกมาลากลงน้ำเหรอ!!! กราบเรือซ้ายขวาประจำปืน เตรียมบรรจุกระสุน ถือท้ายตามที่สั่ง! เตรียมปืนยาวขึ้นมา ด่งดาบไม่ต้องใส่มันล่ะ มี่กี่กระบอกเอาออกมาให้หมด”
เสียงกัปตันร่างเล็กตวาดต้นหนคู่บุญก่อนจะตะโกนสั่งความเป็นชุดลั่นไปทั่วดาดฟ้า เหล่าลูกเรือวิ่งวุ่นไปมาเตรียมของและอาวุธต่างๆ โรนัลด์เองก็วิ่งกลับเข้าไปในเคบินและกลับออกมาพร้อมเสื้อคลุมและปืนสั้นประจำมือ ก่อนที่ร่างนั้นจะแวบลงไปสั่งความที่ดาดฟ้าปืน
“เฮ้ยพวกแกฟังนะ ถ้าถูกเทียบเรือได้เมื่อไหร่ให้ปิดช่องปืนฝั่งนั้นให้หมดแล้วบรรจุกระสุนเตรียมไว้ แล้วป้องกันอย่าให้ใครลงมาในนี้ได้เป็นอันขาด เข้าใจไหม รอข้าสั่งยิงแกก็ยิงพร้อมกันทั้งฝั่ง”
เหล่าลูกเรือชั้นใต้ดาดฟ้าแม้จะงุนงงกับคำสั่งประหลาดที่มีมาถึงที่มีหากก็พยักหน้ารับโดยไม่โต้แย้ง
กว่าที่โรซามุนด์จะหันหัวเรือกลับได้เรือรบของสเปนที่กินลมมาก่อนแล้วก็ตามมาถึงใกล้มากเหลือเกิน เรือลำนั้นใช้ช่วงจังหวะที่หักเลี้ยวยิงปืนใหญ่ออกมาสี่นัดติดๆกันจนควันปืนลอยคลุ้งตลบไปทั่วบริเวณ
กระสุนปืนใหญ่ลูกหนึ่งตกกระทบราวกั้นกราบเรือหายไปครึ่งแถบ อีกลูกที่แม่นเหมือนจับวางฉีกเอาใบสแปงเกอร์ท้ายเรือที่ไม่ได้ม้วนเก็บขาดเป็นริ้วๆทำเอากับตันโรนัลด์ถึงกับชูหมัดอย่างโกรธแค้น
“แกกล้าดียังไงทำเรือข้าวะเฮ้ย! ตั้งปืนแปดสิบองศาใต้ ยิง!”
เสียงกระสุนกลมๆพุ่งแหวกอากาศหวีดหวิวก่อนจะตกลงไม่ห่างจากเรือลำนั้นนัก โรนัลด์สั่งยิงอีกครั้งหากกระสุนที่เสียไปก็พลาดเป้าทั้งหมด เรือรบสเปนอาศัยใบเรือใหญ่ที่กินลมมาก่อนแล่นตามมาได้อย่างง่ายๆ อีกไม่นานก็คงจะตีคู่มาขนาบได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ระยะที่ใกล้เกินไปจนเริ่มเป็นอุปสรรคกับปืนใหญ่ทำให้ระหว่างเรือทั้งสองลำกลายเป็นสมรภูมิของปืนไฟไปแทน
ลูกเรือที่ใช้ปืนได้ดียืนแอบอยู่ตามกราบเรือพลางรับปืนที่มีคนคอยบรรจุกระสุนให้ยิงใส่ทหารในเรือที่ตามหลังมา จังหวะนั้นโรนัลด์วิ่งหลบหลังแนวปืนบนดาดฟ้าเข้ามาหาคาน่อนที่หลบอยู่อีกฟากพร้อมส่งปืนกระบอกยาวให้ “พอได้ปืนมาใหม่เลยทำเอาข้างบนนี้คนไม่พอเลยแฮะ โอเดลสอนแกใช้ไอ้นี่ยัง”
หญิงสาวส่ายหน้าดิก
“ไม่เคยสอนแต่คิดว่าใช้ได้ แต่ใส่กระสุนไม่เป็นนะบอกไว้ก่อน”
“หา? ยังไง?” กัปตันทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำตอบ คาน่อนกลอกตาไปมาอย่างนึกรำคาญ
มันใช่เวลามาถามซอกแซกไหม“ใช้ได้ละกัน ส่งมา”
พูดจบประโยคก็คว้าปืนในมืออีกฝ่ายขึ้นมาถือเองโดยไม่รอ เธอทดสอบน้ำหนักตัวปืน ระยะการจับเป้าหมายที่ควรจะเป็น ก่อนจะวางตัวปืนพาดบนกราบเรือ ดวงตาสีอ่อนจ้องมองนายทหารบนเรือตรงข้ามก่อนจะเล็งอย่างประณีตและลั่นไก
โรนัลด์ที่จ้องมองอย่างเงียบๆเห็นนายทหารผู้หนึ่งผงะหงายกุมแขนตัวเองพร้อมเสียงร้องลั่นก็พยักหน้าช้าๆ “เออ ข้าเชื่อละ แกเห็นอันไหนพร้อมยิงก็จัดการเลยละกัน แล้วก็...เอานี่ไปเก็บไว้่กับตัวไป”
กัปตันเรือสาวในมาดชายหนุ่มส่งปืนสั้นของตัวเองที่บรรจุกระสุนแล้วมาให้ “ใช้เฉพาะตอนจำเป็นจริงๆเท่านั้นนะ ดูแล้วอยู่กับแกจะมีโอกาสได้ใช้มากกว่าอยู่กับข้าว่ะ”
“ได้เลย ‘ใจมาก”
หญิงสาวรับปืนมาเสียบไว้กับเข็มขัด ในใจไพล่คิดไปถึงปืนสั้นประจำตัวซึ่งบัดนี้นอนอยู่ในก้นกระเป๋าคาดเอวที่เก็บไว้ติดตัวไม่เคยห่าง อันที่จริงหากโลกนี้มีอาวุธอะไรที่คล้ายแบบนั้นคงจะดีไม่ใช่น้อย
ในที่สุดโรซามุนด์ก็ถูกฟรีเกตลำใหญ่ของราชนาวีสเปนเทียบข้าง เชือกตะขอถูกเหวี่ยงข้ามมาก่อนจะตามด้วยเหล่าทหารเรือติดอาวุธเต็มพิกัดโหนเชือกมาเป็นกลุ่มๆ ลูกเรือที่อยู่ใกล้ต่างวิ่งไปจู่โจมป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายขึ้นเรือได้ หากบางคนกลับโดนกระสุนปืนที่ยิงมาจากอีกฝั่งล้มกลิ้งไป ดาดฟ้าเรือยามนี้กลายเป็นสนามรบย่อมๆ หากท่ามกลางความเคลื่อนไหวนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่เรียกร้องความสนใจจากทุกคนได้ชะงัด
“สวัสดีโรซามุนด์ อ้อไม่สิ ที่ถูกควรจะเรียกว่า เอชเอ็มเอส โรซามุนด์ ข้าเข้าใจถูกไหมกัปตันโรนัลด์ ยอร์ค?”
ผู้บังคับการในชุดเครื่องแบบราชนาวีสเปนเอ่ยทักกัปตันโจรสลัดทันทีที่ย่างเท้าขึ้นมาบนลำเรือ เหล่าโจรสลัดชักดาบขึ้นขู่ไม่ให้ทหารเรือที่ถือปืนเล็งเข้ามาใกล้ หากโรนัลด์ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของลำเรือกัดฟันกรอดและแหวกลูกเรือของตัวเองที่ยืนขวางอยู่ออกมา “โรซามุนด์เป็นของข้า ลงไปจากเรือข้าซะก่อนจะหาว่าข้าไม่เตือน”
“เรื่องอะไร โจรสลัดชื่อก้องอย่างเจ้าใครๆก็อยากได้ไปแลกค่าหัว” นายทหารหนุ่มพูดด้วยทีท่าสบายๆก่อนจะทำท่าเหมือนเคาะฝุ่นที่ติดรองเท้าออก “และถ้าเกิดข้าทำได้ก็คงได้รับบำเหน็จอีกหลายชั้น ว่าไหม?”
“แกคงลืมไปแล้วมั้งว่าใครในเรือลำนี้ได้ตราตั้งจากกษัตริย์ของแกกัน” โรนัลด์ตอบพลางมองกริยานั้นอย่างเหยียดหยาม
“เรื่องนั้นข้าไม่สน” ร่างนั้นพูดเรื่อยๆในขณะที่ดึงดาบออกมาสำรวจความสะอาดเรียบร้อย ก่อนที่อึดใจต่อมาจะใช้มันชี้หน้ากัปตันโรนัลด์ “ทหาร! จับมัน!!”
สิ้นเสียงสั่งกระสุนปืนนัดแรกก็ระเบิดขึ้นก่อนที่โจรสลัดคนหนึ่งจะล้มลง สำหรับคนที่เหลือต่างมองตามและชะงักค้างไปชัวขณะด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นความโกลาหลก็เริ่มต้น คมดาบถูกเงื้อขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่ศัตรูตรงหน้าด้วยความโกรธแค้น
“แบบนี้แหละข้าถึงไม่ชอบขี้หน้าพวกสเปน!” กัปตันเรือว้ากขึ้นมาอย่างเหลืออดในขณะฟาดดาบใส่ทหารเรือที่ยกปืนขึ้นกัน ทำเอาดาบิดที่สู้ติดพันอยู่ท้ายเรือต้องตะโกนตอบกลับมา “ข้าก็สเปนนะโว้ย”
“
ข้าหมายถึงพวกทหารเรือเว้ยไอ้เซ่อ!”
คาน่อนหลบความวุ่นวายอยู่ตรงช่องบันไดท้ายเรือ ข้างกายคือลูกเรือชาวดัทช์ที่ทำหน้าที่บรรจุกระสุนปืนส่งให้ หญิงสาวใช้มันสอยนายทหารสเปนทีละคน หากก็เข้าเป้าบ้างพลาดเป้าบ้างด้วยความไม่คุ้นเคย
“เอชเอ็มเอส? หมายถึงอะไรน่ะ?”
หญิงสาวหมายถึงบทสนทนาระหว่างกัปตันเรือทั้งสองเมื่อครู่
“His Majesty’s Ship เรือลำนี้เคยเป็นเรือรบมาก่อนไงล่ะ ไม่รู้เหรอ”
คาน่อนส่ายหน้า “ไม่เชิง แค่ลืมไปว่าที่บ้านเกิดไม่ค่อยได้พูดถึงคำนี้น่ะ”
“อ๋อ”
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจพลางส่งปืนอีกกระบอกให้ลูกเรือสเปนที่อยู่อีกฟากบันไดได้ใช้ “ว่าแต่กัปตันนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกันแฮะ ข้าก็ว่าแล้วนี่มันดูยังไงก็เรือรบ แต่ไปเอามาทำเป็นเรือโจรสลัดเนี่ยจะว่าทำได้เจ๋งรึทำให้เสียดายของดี”
หญิงสาวยักไหล่ก่อนจะตอบปัดหัวข้อสนทนาไป “ไม่รู้สิ ว่าแต่ไอ้ที่ถืออยู่นั่นน่ะใช้ได้รึยัง ได้แล้วก็ส่งมา”
“เออ โทษทีๆ”
ระหว่างที่คุยกันสถานการณ์ข้างนอกก็เริ่มวุ่นวายขึ้นทุกที บนดาดฟ้ามีทั้งลูกเรือโจรสลัดตัวเปื้อนเลือดนั่งกองนอนกองอยู่บนจุดต่างๆ ทั้งทหารเรือที่นอนนิ่งราวกับไร้ลมหายใจ ลูกเรือที่เธอยังเห็นขยับไหวหากเห็นว่าตนพ้นอันตรายแล้วก็ไม่รอช้าที่จะโยนทหารเรือลงน้ำ ไม่ก็ลากเพื่อนที่บาดเจ็บหลบกระสุนมาตามทางเดิน หญิงสาวหลบทางให้อีกฝ่ายที่หอบคนเจ็บลงบันไดมาอย่างทุลักทุเล โชคดีที่ในดาดฟ้าปืนนี้ยังไม่มีผู้บุกรุกคนใดที่ยังอยู่รอด หรือไม่หากยังรอดก็โดนจับเหวี่ยงออกไปตามช่องปืนข้างเรือด้านที่ยังเปิดอยู่
คาน่อนตัดสินใจออกไปที่ดาดฟ้าหลังจากผ่านมาแล้วครู่หนึ่ง ปล่อยหน้าที่เฝ้าบันไดไว้กับนักแม่นปืนชาวสเปนผู้สร้างผลสัมฤทธิ์ทางการยิงได้มากกว่า หญิงสาวกำด้ามดาบแน่นแม้จะไม่มั่นใจนัก หากเป้าหมายของเธอไม่ใช่ร่วมวงในการต่อสู้ แต่เป็นเพื่อนร่วมเรือที่ยังมีชีวิตรอด คิดได้เช่นนั้นคาน่อนก็ออกวิ่ง เบี่ยงตัวหลบคมดาบ วิ่งผ่านการต่อสู้ไปหาร่างที่นอนฟุบตามจุดต่างๆทีละคน คนไหนที่เธอรู้ว่ายังอาจมีหวังก็จับแขนขึ้นพาดบ่าแล้วพาร่างลากไปอย่างทุลักทุเล ก่อนส่งต่อให้หนุ่มดัทช์ที่หมดหน้าที่ตรงช่องบันไดรับร่างเพื่อนร่วมเรือลงไปข้างล่างอีกแรง
หลังจากกลับมาจากการส่งผู้บาดเจ็บเป็นรอบที่สาม คาน่อนก็ออกวิ่งข้ามไปด้านท้ายเรือ หากร่างของลูกเรือกแอฟริกันอีกคนหนึ่งถลามาขวางหน้าพร้อมรอยแผลฉกรรจ์จากกระสุนปืน ตามด้วยนายทหารเรือที่ง้างดาบพุ่งเข้ามาอย่างมุ่งร้าย หญิงสาวไม่อาจทำอะไรได้นอกจากยกดาบขึ้นกัน
เสียงโลหะปะทะกันดังเคร้งและสีหน้าของทหารหนุ่มนายนั้นก็ดูไม่พอใจขึ้นมา “ถ้าอยากตายตามเพื่อนขนาดนั้นทำไมไม่บอกล่ะวะ”
นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าเกิดเพราะนึกสนุกที่ได้ฆ่าฟัน หรือจากความรู้สึกเหนือกว่าจนหลงระเริงในพลังอำนาจที่คิดว่าตัวเองมี หญิงสาวรู้ว่าคนที่อยู่ในห้วงอารมณ์นี้ทั้งน่ากลัวและสังหารได้ง่ายพอๆกัน การที่อีกฝ่ายเริ่มฟาดดาบลงมาด้วยความรุนแรง เห็นจะมาจากอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่สามารถฉวยโอกาสจบชีวิตลูกเรือคนเมื่อครู่ได้ คาน่อนที่จับจังหวะดาบของอีกฝ่ายไม่ถูกได้แต่การ์ดรับและถอยหนีเพื่อหาที่ว่างและจังหวะสวนกลับ
เมื่อเห็นโจรสลัดตรงหน้าได้แต่ปัดป้องการโจมตีนายทหารสเปนจึงเริ่มทวีความหงุดหงิด เขาสอดส่ายสายตาคิดหาทุกวิธีที่จะเอาชนะ หากจนแล้วจนรอดคนตรงหน้ายังปัดป้องได้ดีทุกดาบ หลบได้ทุกครั้งที่พยายามยื่นขาไปสะกิด ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้าวประชิดและเตะเสยเข้าให้ด้วยหมายใจว่าอีกฝ่ายจะต้องทรุดไปกองกับพื้นเป็นแน่
หากนายทหารหนุ่มไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือหญิงสาวผู้เริ่มหงุดหงิดกับการใช้ขาเก้ๆกังๆที่พยายามสะกิดให้ล้มอย่างน่ารังเกียจ เมื่ออีกฝ่ายเตะขาขึ้นคาน่อนจึงถอยหลับ และในจังหวะนั้นกลายเป็นว่าหญิงสาวโดนถีบเข้าเต็มรักจนหงายหลังแทน
ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความเจ็บ
ความรู้สึกที่สองคือกราบเรือที่อยู่ด้านหลัง หญิงสาวตาเบิกกว้างเมื่อเพิ่งรู้ว่าตัวเองเอาแต่ถอยมาตั้งรับจนหลังพิงฝาเสียแล้ว
และความรู้สึกที่สามคือเงาอีกฝ่ายที่ทอดทับพร้อมกับคมดาบที่เงื้อง่าหมายเสียบแทงทะลุร่าง และเป็นเพราะไม่มีที่ให้ถอยหนีอีกต่อไปแล้วเธอจึงไม่อาจพลิกตัวทิ้งระยะหลบคมของดาบเซเบอร์ด้ามยาวในมือของนายทหารผู้นั้นได้ทัน
ความเย็นของโลหะคือสิ่งที่เธอรู้สึกเมื่อมันพุ่งผ่านข้างลำตัวไปและปักคาอยู่ที่กราบเรือ คาน่อนหัวใจกระตุกวูบ ไม่ใช่ตกใจที่บาดเจ็บ หากกังวลถึงกระเป๋าติดตัวที่เต็มไปด้วยสัมภาระจากบ้านเกิด หากทำหล่นทิ้งไว้ผิดที่ทางหรือตกอยู่ในมือใครคงไม่ดีแน่ เมื่อเห็นช่องว่างหญิงสาวก็รีบกระโดดหนีดาบเล่มนั้นและเจ้าของมันที่กำลังพุ่งเข้าใส่เพื่อตามซ้ำโดยสัญชาตญาณ มือที่ว่างรีบตะปบสายกระเป๋าคาดเอวที่อยู่ใต้ผ้าและเข็มขัดรวมหลายชั้นก่อนจะพบว่ามันได้รับความเสียหายเพียงน้อยนิด เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็คำรามลั่นใส่อีกฝ่ายด้วยความโมโห โดยลืมใส่ใจถึงบาดแผลที่เพิ่งได้รับเมื่อครู่ไปสนิท
“
ตัวชั้นไม่ใช่ที่เสียบดาบของแกนะเว้ย!”ด้วยระยะที่ยังคงใกล้เกินไปกว่าจะถอยสู่ระยะดาบได้ทัน เจ้าหล่อนจึงฟาดกั่นดาบที่ยังคงกำอยู่ในมือแน่นไปที่คู่กรณีสุดแรงเกิด นายทหารหนุ่มที่เพิ่งดึงดาบคู่มือออกมาจากไม้ได้ผวาเฮือก หากคาน่อนก็กระชากเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาหาก่อนฟาดมันซ้ำลงไปอีกครั้งด้วยอาการที่เหมือนน็อตหลุด
“อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย นึกว่าแน่รึไง เป็นถึงชายชาติทหารแต่ใช้วิธีสู้ได้ห่วยแตกกว่าอันธพาลข้างถนนอีก ไอ้คนทุเรศ!!”
แม้จะโมโหเดือดหากคาน่อนก็ห้ามตัวเองไว้ไม่ให้โขกหน้าผากใส่อีกฝ่ายได้ทันก่อนที่จะทำให้ตัวเองเสี่ยงต่อการเปิดเผยความลับ ด้ามดาบที่ถูกกำแน่นจึงถูกฟาดใส่ใบหน้าอีกฝ่ายเป็นคำรบสาม หญิงสาวปล่อยมือตัวเองจากชุดเครื่องแบบก่อนจะถีบอีกฝ่ายสุดแรง ร่างสูงของนายทหารเรือโชคร้ายปล่อยดาบหลุดมือและผงะหงายเหมือนนกปีกหักก่อนจะร่วงลงไปนอนที่พื้น
หญิงสาวที่ลืมความเจ็บตรงสีข้างไปหมดสิ้นง้างเท้าเตะร่างที่กองสลบอยู่กับพื้นเต็มรักเข้าให้อีกครั้งก่อนเดินจากมา
ผ่านไปครู่ใหญ่บนดาดฟ้าด้านนอกนั้นก็เหลือนายทหารเรืออีกไม่มากนัก หากเป็นคนมีฝีมือที่ต้องใช้ลูกเรือหลายคนรุมถึงจะเอาอยู่ นายทหารที่ยังคงอยู่บนเรือของตัวเองก็ดูเหมือนว่าจะได้รับคำสั่งให้คอยเตรียมพร้อมอยู่ในเรือ หากแต่ก็มีบางนายที่คอยยกปืนเล็งยิงก่อกวนเข้ามาอยู่ตลอดเวลา แวบหนึ่งที่เธอเห็นดาบิดพุ่งเข้าไปช่วยเซปที่โดนทหารระดับรองผู้บังคับการฟันเลือดสาด อีกฝั่งหนึ่งนอทราจับคู่กับลูกเรืออังกฤษป่วนนายทหารที่แกว่งหอกปลายปืนไปมาเพื่อป้องกันตัว เบอร์วิคลูกเรือชาวดัทช์ที่เป็นคนคอยส่งปืนและยังคอยแบกคนเจ็บอยู่เมื่อครู่บัดนี้ก็ออกไปยืนอยู่ในกลุ่มที่กำลังรุมโจมตีทหารเรือระดับรองผู้บังคับการอีกนายหนึ่งเช่นกัน
ใจกลางความวุ่นวายนั้นคือโรนัลด์ที่กำลังรับมือผู้บังคับการเรือหนุ่มผู้นั้นอยู่เพียงลำพัง เสียงดาบปะทะกันดังเป็นจังหวะ เธอเห็นชายหนุ่มผู้นั้นหน้าซีดลงเรื่อยๆเมื่อถูกจังหวะดาบที่หนักหน่วงของกัปตันโจรสลัดรุกไล่จู่โจม ร่างสูงถูกต้อนให้ถอยหลังไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งร่างนั้นชนเข้ากับกราบเรือที่อยู่ด้านหลัง
“อะฮ่า เสร็จข้าล่ะ!”
โรนัลด์ประกาศก้องในการประดาบครั้งสุดท้ายที่งัดดาบในมืออีกฝ่ายให้หลุดกระเด็น ท่วงท่าเดียวกับที่คาน่อนเคยเจอในวันที่อีกฝ่ายสอนดาบให้เป็นครั้งแรก กัปตันโจรสลัดใช้ปลายดาบในมือชี้หน้าอีกฝ่ายที่ชูมือทั้งสองข้างในระดับใบหน้าด้วยท่าทีของการยอมแพ้โดยสิ้นเชิง
“ว่ายังไงล่ะเจ้าทหารเรือผู้ทรง ‘เกลียด’ คิดผิดไปหรือเปล่าที่มองว่าพวกข้าเป็นหมูที่จะยอมให้แกล่าได้ง่ายๆน่ะหา”
คาน่อนเห็นผู้บังคับการเรือนายนั้นถึงกับกลืนน้ำลายเมื่ออีกฝ่ายจ่อปลายดาบเข้าไปใกล้ใบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆหากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นต่อมาก็หยุดเหตุการณ์ทุกอย่างในเรือได้ชะงัดนัก
เพราะเมื่อนายทหารซึ่งนอนนิ่งอยู่ที่พื้นเสมือนตายไปแล้วคนนั้นกระโจนขึ้นมาทั้งตัว ในมือถือดาบหน้ากว้างซึ่งคงแย่งมาจากลูกเรือที่นอนสลบคว่ำอยู่ข้างกัน นายทหารผู้นั้นพุ่งเข้าใส่กัปตันโจรสลัดจากด้านหลังโดยไม่ให้ตั้งตัว
ทว่าในชั่ววินาทีนั้นเอง ดาบิดที่คอยเฝ้ามองความปลอดภัยของกัปตันอยู่ห่างๆและสังเกตุเห็นความเคลื่อนไหวของนายทหารนายนั้นเป็นคนแรกก็ตะโกนลั่น “โรนี่ระวัง!!”
ไวเท่าความคิด คาน่อนกระชากปืนสั้นที่เจ้าของมันฝากเอาไว้ให้ออกมาจากเข็มขัด และโดยไม่รอให้ยกขึ้นถึงตำแหน่งเล็งหญิงสาวก็ตัดสินใจลั่นไกออกไปทันที
เสียงปืนนัดนั้นแทบจะกลบทุกเสียงให้เงียบกริบ ทหารนายนั้นล้มคว่ำลงพร้อมกับเลือดที่กระเซ็นขึ้นไปบนอากาศ และนั่นทำให้คาน่อนเห็นว่านอกจากรอยกระสุนที่เธอฝากไว้แล้วยังมีมีดสั้นซึ่งคาดว่าเป็นฝีมืออันแม่นยำของสลัดหนุ่มชาวแอฟริกันปักคาอยู่บนแผ่นหลัง
โรนัลด์เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเพียงพริบตาที่หันมาตามเสียงเรียกก่อนที่จะแหกปากตะโกนเสียงลั่น “ดาบิด เอาเลย!”
“อายเซอร์! ลุง!”
“เปิดช่องปืน! ยิง!!!!”
เสียงสุดท้ายที่ดังขึ้นมาจากเฒ่าแกรนท์ที่ดอดเผ่นลงจากรังกามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สลัดเจนทะเลทวนคำสั่งให้ลูกเรือที่เตรียมตัวพร้อมอยู่แล้วจุดชนวนปืนใหญ่จนได้ยินระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาจากดาดฟ้าปืน โรซามุนด์ทั้งลำสะท้านเยือก หากเมื่อควันปืนจางลงก็เผยให้เห็นภาพของเรือฟรีเกตส์ลำใหญ่ตรงหน้าที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวโดนกระสุนปืนใหญ่ระยะประชิดจนเป็นรูกระสุนตลอดแนว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ากัปตันโรนัลด์เมื่อเห็นผลลัพท์ของคำสั่งประจักษ์ชัดกับตา ดวงตาคมสีเขียวจัดมองกราดไปทั่วลำเรือก่อนจะตะโกนสั่งการ
“คีธ นอทรา เบอร์วิค! จัดการท็อปกาแลนท์กับท็อปเซิลใหม่ที เราจะไปกันแล้ว!”
“อายเซอร์!!”
สามคนผู้อยู่ใกล้เสาแต่ละต้นที่สุดรับคำสั่งก่อนจะโหนตัวขึ้นไปบนเพลาผูกใบเรือ แน่นอนว่ากัปตันคงไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาน่อน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สั่งให้หญิงสาวทำเช่นนั้นแน่ คาน่อนแผลอตัวแตะที่ปากแผลก่อนจะพบว่าทั้งเสื้อ เสื้อคลุม รวมไปถึงผ้าที่ใส่ไว้ข้างในเพื่อปิดบังรูปร่างบัดนี้ชุ่มไปด้วยเลือด
ชั่วพริบตาใบเรือบนทั้งหมดของเสาหลักกับเสาท้ายก็ถูกหย่อนลงมาแล้ว หากคาน่อนผู้รับหน้าที่ปีนเสาหน้ายังงุ่มง่ามผูกเชือกที่ขาดระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่อยู่ มือที่ชุ่มเลือดแม้จะป้ายเช็ดออกแล้วแต่ก็เป็นเหตุให้ทำให้การทำงานช้าลง ทว่าหญิงสาวก็จัดการผูกใบเรือให้ตึงได้ในที่สุด
“ไปล่ะนะหน้าโง” โรนัลด์พูดทั้งที่ยังเอาดาบชี้หน้าผู้การเรือรบ “เจอกันใหม่ชาติหน้า และอ้อ--- ถ้าไม่อยากให้ข้าเป็นผู้รับใช้ในพระองค์ร่วมกับแกนักล่ะก็ ในนามแห่งกุหลาบ ข้าก็จะไม่เป็น และถ้าข้าเปลี่ยนผู้ที่ข้ารับใช้เมื่อไหร่ พวกสเปนอย่างแกก็เตรียมหนาวไปถึงข้อกระดูกได้เลย”
ผู้บังคับการหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่เชื่อมโยงกันกับคำนามเปรียบเปรยนั้น
“นามแห่งกุหลาบ.. หรือเจ้าจะหมายถึง…!”
“ในนามของตัวข้าเองเนี่ยแหละ!”
โรนัลด์ส่ายหน้า กัปตันโจรสลัดตอบพร้อมรอยยิ้มเย็นก่อนจะตวัดดาบฟันเฉียงร่างอีกฝ่าย ผู้การทหารเรือสะดุ้งร้องเสียงลั่น และก่อนที่ใครจะรู้ตัว ร่างนั้นก็ถูกผลักให้ลอยละลิ่วลงมากระแทกผืนน้ำเรียบร้อย
และนั่นเท่ากับเป็นสัญญาณของการเปิดฉากยิงอีกครั้ง
เหล่าลูกเรือบนดาดฟ้าพากันหาที่หลบกันจ้าละหวั่น ดังนั้นเป้าหมายตัวโตจึงเหลือเพียงคนๆเดียวที่เพิ่งโรยตัวลงมาจากเพลาเรือ และในมือยังคงถือดาบแน่นไม่ยอมปล่อย
คาน่อนเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกถึงความร้อนของกระสุนที่พุ่งเข้าฝังในหัวไหล่ มือที่เผลอจับแผลจนชุ่มเลือดเมื่อครู่และไม่ทันคว้าบันไดเชือกให้ดีจึงลื่นหลุด แรงผลักของกระสุนปืนทำให้ทั้งร่างนั้นผงะหงายร่วงหล่นลงจากกราบเรือที่เหยียบยืน
เบื้องหลังคือผืนทะเล
เจ็บชะมัด“คีธ/เจ้าหนู/ไอ้หนุ่ม!!”
ในหูได้ยินเสียงเรียกสามเสียงที่ดังประสานกัน ไม่สิ บางทีอาจจะมากกว่านั้น แต่เธอแยกแยะเสียงไม่ออก
จะว่าไป จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้แฮะว่าจริงๆแล้วยายนั่นชื่อจริงชื่ออะไรคาน่อนกระพริบตาอย่างวิงเวียน เธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดวูบจากข้างหลังอีกครั้ง ท้องฟ้าสีจัดเบื้องบนเปลี่ยนเป็นความมืด ก่อนที่ทั้งร่างจะเหวี่ยงไปมาและพลิกคว่ำคะมำหงาย และสุดท้ายคือการสัมผัสกับพื้นดินที่เปียกชื้น
ให้ตายสิ
วันนี้...
ฝนก็ยังตก*******************************************