9. Red Flag Raised (2/2)
‘เอ็ดการ์ ฟีนิกซ์...ไอ้พวกกบฏ...’
[ซ่า------]
‘ลากหัวมันมาให้ได้’
‘พี่น้องของเราจะจัดการ’
[ซ่า------]
‘กำจัดกบฏชุดแดง เพื่อแผ่นดินราชา’
มือบางขยับแตะที่หูฟังสีดำครอบหนังสีแดง พลางหรี่ตามองภาพบนหน้าจอที่ยังคงเป็นสีดำสนิท แถบสีเงินด้านล่างเคลื่อนไปช้าๆ คลิปนี้กำลังจะจบ แต่เขารู้สึกเหมือนไม่ได้อะไร ตลอดเวลาของคลิปนั้นไม่ปรากฏภาพใดๆ นอกจากตราฟีนิกซ์ของกองทัพอากาศที่ถูกสาดทับด้วยสีดำ และเสียงคนพูดที่ผ่านการดัดแปลงด้วยคอมพิวเตอร์ อาจจะเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตามตัวเจอว่าเจ้าของนั้นเป็นใคร
ใจความทั้งหมดไม่ได้มีสาระสำคัญ นอกจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังจะกระทำการเพื่อแผ่นดิน กำจัดกบฏชุดแดงนำโดยเอ็ดการ์ ฟีนิกซ์...ดูเหมือนพวกนั้นจะมีพรรคพวกจากกลุ่มพี่น้อง ซึ่งอาจจะหมายถึง The Brotherhood สมาคมนักฆ่าจากยูนิคอร์น เสียงในคลิปนั้นบอกว่าสงครามอิคดราซิลนี้ ทัพอากาศจะต้องแพ้ พวกเขาจะกำจัดผู้บัญชาการให้ได้ จะไม่ให้กองทัพแดงได้พื้นที่นี้ไปเด็ดขาด
เพราะฉะนั้น เขา...ไซน์ คอสแทน...จึงบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ เผื่อว่าอนาคตพวกนี้จะไหวตัวทัน และลบมันไป จะได้ยังมีหลักฐานให้ติดตามสาวถึงต้นตอ...รู้อยู่แก่ใจกันทั้งนั้นว่าหนทางของพวกเขาคงไม่ได้มีแต่กลีบกุหลาบ กองทัพย่อมมีผู้ขัดขวาง คนที่ไม่เห็นด้วยมีอีกมาก ผู้คนในส่วนกลางนั้นเป็นแค่คนที่ยังไม่ก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย แต่เขาเชื่อว่าในเวลานี้ที่สงครามกำลังปะทุ คงไม่มีใครที่ในใจลึกๆแล้วยังเป็นกลางโดยแท้จริง...ไม่มีใครที่จะลอยตัวเหนือปัญหาที่กำลังคืบคลานมาที่หลังคาบ้านของตน
แสงสว่างจากโคมไฟสีขาวสะท้อนกับแว่นตา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม ปลายนิ้วขยับเม้าส์คลิกที่มุมหนึ่งของหน้าจอ หน้าต่างใหม่ผุดขึ้นมาที่มุมนั้น
‘Track down?’
ชายหนุ่มกดตอบรับในทันที พลันผละออกจากหน้าจอ ปล่อยให้สิ่งซึ่งคิดคำนวณไว้นานแล้วเดินไปตามทางของมัน เขาหยิบเครื่องมือสื่อสารกองทัพของตนขึ้นมา เลื่อนปลายนิ้วสั่งเปิดหน้าจอใหม่ขึ้น
ภาพที่ฉายสว่างกลางอากาศคือแผนที่ของเขตส่วนกลางอิคดราซิล
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่เป็นนิจค่อยจางลงจนเลือนหาย สีหน้ากลับกลายเป็นเรียบเฉย สายตามองแต่จุดกึ่งกลางของพื้นที่อันเป็นสีเขียว นิ่งไปนาน
เพราะครั้งนี้ เขาจะไม่แพ้
จะไม่ยอมแพ้ให้กับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว
ทันทีที่รหัสตัวเลขชุดหนึ่งปรากฏบนหน้าจอที่เปิดค้างไว้ เขารีบบันทึกลงในเครื่องมือสื่อสาร ก่อนจะเปิดอีกหน้าต่างขึ้นมา บันทึกภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์อีกฝั่งฟาก ในห้องทดลองที่ไม่ได้ว่างเปล่านั้นมีแต่เสียงปลายนิ้วระรัวพิมพ์ และเสียงหัวเราะในลำคอของชายผู้นี้
นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าเลื่อนขึ้นมองเหนือขอบจอภาพ เขาเห็นแต่ผนังอันเป็นสีขาว
ทว่าในความคิด ภาพของแสงสว่างสีเพลิงร้อนระอุปรากฏชัดเจน ยิ่งกว่าที่เห็นด้วยสายตา
เขาเห็นมังกร เห็นกองทหาร เห็นกองเรือที่จะเข้าประชิดชายฝั่งสตอร์มบอร์น เห็นทหารชุดดำที่จะก้าวผ่านเขตส่วนกลางมาตั้งค่ายที่โลธีเนียนส์พาส เห็นต้นไม้สีเขียวชอุ่ม น้ำตก เมืองหนึ่งที่ซ่อนเร้นหลังปราการวิเศษ
และเหนือกว่าสิ่งใด คือเปลวเพลิง
เปลวเพลิงนั้นกลืนกินผืนป่า แผดเผาให้ทุกสิ่งมอดไหม้ลงไปกับตา เปลวเพลิงนั้นร้อนแรง ดุดัน และน่าสะพรึงกลัว
เปลวเพลิงนั้น...เป็นสีแดง
------
ท่ามกลางพายุหิมะที่ยังคงโหมกระหน่ำ ข่าวสารการรับสมัครทหารใหม่สู่กองทัพทหารหลวงและกองทัพนาวีแพร่สะพัด ผู้คนในคราทอสต่างตื่นตัวกับการคืบหน้าของสงครามที่ตั้งท่าจะระเบิดมานานหลายปี แต่ในฟีนิกซ์ ทุกอย่างยังคงเงียบสงัด กลางรันเวย์กว้าง เครื่องบินรบยังคงบินขึ้นสู่ฟ้าลำแล้วลำเล่า ส่งเสียงอื้ออึงเสียดหู แล้วหายลับไปเหนือเมฆหนาจากพายุโนวักก์เนียร์ ไม่มีใครเห็นอีกว่าปลายทางของพวกเขาคือที่ใด และไม่มีใครสนใจ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวัน
ชายหนุ่มเดินไปตามเฉลียงคฤหาสน์ใหญ่ ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของตระกูลฟีนิกซ์ แต่บัดนี้แปรสภาพเป็นศูนย์กลางกองบัญชาการกองทัพอากาศ วันนี้เขาสวมชุดเครื่องแบบสีแดงเข้มรัดกุม บริเวณขอบขลิบด้วยผ้าสีดำอย่างหน่วยรบจู่โจม ทับด้วยผ้าคลุมสีขาวบอกยศระดับนายพล รองเท้าบูทหนังสูงครึ่งแข้งย่ำผ่านพื้นพรมสีแดงอย่างรวดเร็ว เพดานเบื้องบนเป็นสีโทนสว่าง โคมไฟงดงามสาดแสงตัดกันจนไม่เห็นเงาในทิศใด
นัยน์ตาสีฟ้าซีดเหลือบลงมองนาฬิกาเกรย์สกอตสีขาวประดับคริสตัลที่ข้อมือ เจ็ดโมงครึ่ง...เขาน่าจะถึงพอดีกับเวลา ไม่ต้องรีบมาก
"อุ๊ย คุณอเล็กเซย์..."
เสียงหวานของสตรีดังขึ้น ทักให้เขาต้องชะงักไป...เธอเป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากเด็กสาว และรอยยิ้มร่าเริงกับตุ๊กตากระต่ายในอ้อมแขนก็ชวนให้เชื่ออย่างนั้น เพียงแต่เด็กสาวคนนี้มียศสูงกว่าเขาเสียอีก เพราะฉะนั้นเนื้อแท้ของเธอย่อมมีอะไรมากกว่าเด็กสาวตัวน้อยที่ติดเล่นตุ๊กตา
พลอากาศเอก เอวา ดี ฟรอยด์ เดินออกมาจากอีกทางหนึ่ง เอียงคอยิ้มให้กับเขา ดวงตากลมโตสีฟ้าจ้องมองอย่างตื่นเต้นนิดๆ "บังเอิญจังเลยนะคะ เอวาไม่คิดว่าจะเจอคุณอเล็กเซย์อีกซะแล้ว...วันนี้ต้องรีบไป" เธอขยิบตาพลางชี้นิ้วเหนือศีรษะ "...แล้วแท้ๆเลยนะ"
ยังไม่รู้ว่าเจตนาคืออะไร ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ "แหม...ผมยังร่ำลาคนไม่หมดเลยครับ ให้ผมรีบขนาดนั้นใจร้ายจังเลย"
"เอวาเปล่าใจร้ายนะคะ" พลเอกขำคิก "เอวาเองก็ต้องรีบไปเหมือนกัน พวกพี่น้องของคุณอเล็กเซย์เหมือนจะมีเรื่องอะไรๆกับเรา ก็เลยต้องรีบหน่อยน่ะค่ะ"
"อะไรนะครับ...พี่น้องของผมงั้นเหรอ..." เขาเข้าใจได้ในทันที ก่อนจะหัวเราะเบาๆ "ไม่ได้ติดต่อนานแล้วล่ะครับ เขาคงไม่นับผมเป็นพี่น้องแล้วด้วยซ้ำล่ะมั้ง...มีเรื่องอะไรที่ผมช่วยได้รึเปล่า?"
"เอ...แต่ 'ภารกิจแช่แข็ง' นี่วันนี้แล้วนี่คะ ตายแล้ว!" เอวา ดี ฟรอยด์ ทำตาโต ท่อนแขนเล็กนั้นกอดตุ๊กตากระต่ายแน่น "เอวาทำให้คุณอเล็กเซย์ช้าไปแล้วแน่เลย ไม่กวนแล้วค่ะ ไม่กวนแล้วนะ" เธอยิ้มหวาน โบกมือไหวๆ พลันก็หยิบมือกระต่ายน้อยให้โบกมือไปพร้อมกัน "เรื่องทางนั้นก็โชคดีนะคะ! เอวาเชียร์อยู่"
มือเรียวใต้ถุงมือหนังสีดำเคลื่อนกระทำวันทยาหัตถ์อำลา เขายิ้มให้กับผู้บังคับบัญชาที่เดินผละออกไป ก่อนจะก้าวต่อไปในทางเดียวกับที่เอวาเพิ่งเดินออกมา ทันทีที่แน่ใจว่าลับจากสายตาของอีกฝ่าย คิ้วเรียวจึงค่อยเคลื่อนเข้าหากัน เขาสงสัยอะไรบางอย่าง ดูเหมือนจะมีเรื่องเกี่ยวกับ Brotherhood แต่เวลานี้เขาคงทำอะไรไม่ได้มาก...เอวา ดี ฟรอยด์ดูจะรู้เรื่องความเคลื่อนไหวของตนมากกว่าที่เคยคิด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเธอรู้จริงหรือแค่บลัฟ ทำเฉยไว้คงดีกว่า
หลังมือเคาะประตูสามครั้งตามธรรมเนียม ก่อนจะก้าวเข้าไป "ขออนุญาตครับท่าน" เขารีบปิดประตู เพื่อไม่ให้ใครหรืออะไรภายนอกได้เห็นภาพด้านในอีก แล้วจึงยืนนิ่งพร้อมทำความเคารพแก่ผู้บังคับบัญชาอีกท่านหนึ่งผู้เป็นเจ้าของห้องนี้ อเล็กเซย์ค่อยก้าวเข้าใกล้หญิงสาวในชุดเครื่องแบบสีขาวปลอดที่นั่งอยู่กับโซฟานุ่ม เรือนผมสีแดงประดับริบบิ้นสีดำสนิทนั้นดูราวกับเลือด เขารู้สึกยินดีทุกครั้งที่มองหน้าเธอ...รู้สึกยินดีที่สการ์เล็ต ไนท์เรย์ เป็นพวกเดียวกันกับตน แทนที่จะขัดขวางเป็นศัตรู
"นั่งก่อนสิคะ อเล็กเซย์" สการ์เล็ตผายมือ และยิ้มให้ เขาจึงนั่งลงตามคำเชิญนั้น พลางลอบสำรวจสภาพภายในห้อง...ห้องทำงานของพลอากาศเอกนั้นสมกับเป็นแม่มด ทุกอย่างตกแต่งอย่างน่ารักด้วยสีดำ เช่นผ้าลูกไม้บนโต๊ะ ตุ๊กตาผู้หญิงที่วางประดับอยู่บนชั้นวางสูง และปีกคล้ายค้างคาวขนาดใหญ่ที่ผนัง ซึ่งชวนให้นึกสงสัยว่าเป็นปีกของอะไรกันแน่...
"เมื่อกี้ได้เจอเอวารึเปล่าคะ...พอดีเขาเพิ่งออกไปไม่นานนี้เอง" แม่มดสาวเอ่ยถาม
"ก็...ครับ" อเล็กเซย์ตอบรับด้วยรอยยิ้ม มือเคลื่อนไปจัดเรือนผมสีดำให้เรียบตรง "เหมือนท่านเอวาจะมีงานด่วนอยู่เหมือนกัน"
สการ์เล็ต ไนท์เรย์ ขยับมือเล็กน้อย พลันกระดาษชุดหนึ่งก็เลื่อนจากริมโต๊ะด้านข้างมาให้หยิบได้อย่างสะดวก "ฉันแกะรอยไปได้แล้วล่ะค่ะ บอกตามตรงว่าไม่น่าเชื่ออยู่เหมือนกัน..." เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขาอ่าน พร้อมกับรอยยิ้มที่เชิงจะลำบากใจ "พอเป็นแบบนี้เข้าแล้วเลยคิดว่า...ฉันคิดว่านะคะ...คุณอย่าบอกคนอื่นเลยดีกว่า"
เสี้ยววินาทีที่เขาปรายตามอง หัวใจก็เริ่มเต้นรัว มันสำคัญจนต้องกลั้นหายใจ...เขากระหายอยากจะจัดการมันให้สิ้นซากไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่ไม่ใช่...ยังมีอะไรที่ทำได้มากกว่านี้ มีสิ่งที่ทำได้มากกว่าแค่ทำลายมันลง นี่จะเป็นเครื่องมือสำคัญ
...สำคัญ...
"...แต่ฉันก็เป็นแค่ที่ปรึกษาของคุณ โครงการนี้คุณเป็นคนเริ่ม ข้อมูลนี้แล้วแต่คุณจะจัดการแล้วกันค่ะ" หญิงสาวผู้มีสีแดงยิ้มน้อยๆ พลางเอื้อมมือไปสัมผัสกับมือใต้ถุงมือหนังสีดำที่กำแผ่นกระดาษนั้นไว้ แล้วสบตา "ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้ ก็บอกได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ"
ชายหนุ่มจึงหัวเราะเบาๆ "ครับ ผมจะรายงานขึ้นไป" ในใจนึกขอบคุณ แต่ยังไม่บอกไป
"จะว่าไป..." มือนั้นผละออก สการ์เล็ตเปรยขึ้น พร้อมกับคิ้วเรียวที่เคลื่อนเข้าหากัน "ฉันหวังว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าเรารู้แล้ว ไม่อย่างนั้นความได้เปรียบนี้หายไปคงแย่..."
"สงคราม..." ชายหนุ่มพูดขึ้น แล้วเงียบไป เขาสบตาเข้ากับอีกคน พลันก็ราวกับจะเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดออกมา
เมื่อฝั่งนั้นมีพลังเช่นนี้อยู่ ดัดแปลงเวทมนตร์ ควบคุมและสะท้อน ใช้พลังเวทน้อยแต่มีประสิทธิภาพ และรุนแรง อย่างไม่มีข้อจำกัดทางมนุษยธรรมใดๆ...สงครามจะทำให้พวกเขายิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก และไม่มีใครจะสู้ได้ ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะในสงครามที่กำลังจะระเบิด เพียงมีความสูญเสีย มีคนเจ็บ และคนตาย...เพียงเท่านี้ พวกนั้นก็แทบจะคว้าชัยชนะในอนาคตมาได้แล้วในกำมือ 'Unknown' ทั้งหมด เป็นเหมือนเพียงบททดลองขั้นที่หนึ่ง เป็นแค่ของเล่นสนุกชิ้นหนึ่ง...ของจริงจะมากกว่านี้...
เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้ช้าไปกว่านี้
เพราะเขาไม่อยากให้ใครก็ตามได้รับชัยชนะบนซากปรักหักพัง
"ไว้ถ้าผมกลับมาจากฟรอเซนไฮด์ คงจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างเลยล่ะครับ" อเล็กเซย์เก็บเอกสารใส่ซองสีน้ำตาลอย่างบรรจง ยันร่างยืนขึ้น แล้วยกปลายนิ้วจรดที่หางคิ้ว "ขอบคุณมากครับท่าน แด่กองทัพอากาศ"
"แด่กองทัพอากาศค่ะ" สการ์เล็ตรับการทำความเคารพนั้น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
พลอากาศโทรีบออกจากห้องไป เขามองนาฬิกา เป็นเวลาแปดโมงตรง ยังพอมีเวลา...
ชายหนุ่มก้าวเท้าสับกันรวดเร็ว เขาล้วงมือหยิบเครื่องมือสื่อสารประจำกองทัพขึ้นมา เลือกกดโทรออกหาใครคนหนึ่ง
"...ไงครับซาคอน"
ได้ยินเสียงอุทานหยาบคายมาจากอีกฝั่ง
'ขอประทานโทษครับ สวัสดีครับท่าน มีธุระอะไรรึเปล่าครับ'"เปล่าหรอกครับ...แค่อยากแสดงความเสียใจกับเรื่องคุณพ่อของคุณสักครั้ง ช้าไปรึเปล่าครับเนี่ย..." พูดพลางก็ยิ้มขำๆ "เกือบจะหนึ่งปีแล้วนะ"
เกือบหนึ่งปีที่พวกเขาทำงานด้วยกัน...ไม่ได้สื่อสารอะไรกันมาก นอกจากเตรียมการเฝ้าระวัง ซาคอน เซฟิรอส ช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ตอนแรกเริ่มปฏิบัติการ ตั้งแต่ไปเมืองเล็กๆห่างไกลในภูเขานั้นที่ชื่อฟีรัน หนึ่งปีที่ผ่านมาที่อดหลับอดนอนทำงานกันมา...เขายังไม่เคยขอบคุณ ไม่ว่าจะด้วยอะไร
และเวลานี้ พลอากาศโท อเล็กเซย์ อาร์ด-รี กำลังจะไปฟรอเซนไฮด์
เพราะฉะนั้นคงยังไม่มีโอกาส จนกว่าจะได้กลับมาอีกครั้ง
'ครับ...ท่าน...รู้แล้วเหรอครับ...' อีกฝ่ายตอบโดยหลีกเลี่ยงใจความสำคัญ
'ป...เป็นหน้าที่ครับท่าน ผมยินดีเสมอ แด่กองทัพอากาศ'"นี่คุณอยู่ไหนครับเนี่ยหืม?"
'โรงอาหารครับ...ม-มีอะไรรึเปล่าครับท่าน...' ได้ยินเสียงใครอีกคนพูดออกมาในสาย จับใจความไม่ได้ แต่คุ้นหูเป็นยิ่งนัก น่าจะเป็นเด็กปีศาจคนนั้นจากตระกูลเอลิเชีย...เป็นเสียงที่ทำให้เขายิ้ม
"เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากจะบอกแค่นี้แหละ" ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใส "ขอให้คุณโชคดีครับ แด่กองทัพอากาศ"
ทันทีที่วางสาย ก็กดต่อไปอีกเบอร์หนึ่ง...เสียงตอบรับจากปลายสายนั้นต่างออกไป
'สวัสดี เลห์ม ไลเซลพูด'"สวัสดีครับเลห์ม...ผมโทรมาบอกครับ เนื่องในโอกาสที่กำลังจะครบหนึ่งปี..." นัยน์ตาสีฟ้าเคลื่อนหรี่ลงเล็กน้อย ยามเดินผ่านทางเดินคอนกรีตที่มีหลังคาคลุม อากาศภายนอกหนาวลึกถึงกระดูก และสายลมพัดแรงจนยากจะต้านทาน "ขอบคุณสำหรับโครงการของเรานะครับ"
'ข้ายินดี ไม่เป็นไร' เลห์ม ไลเซล พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ และหนักแน่นอย่างเคย
"ผมขอโทษด้วย ถ้าคุณต้องลำบากเพิ่มเพราะงานนี้ อย่างสัปดาห์นั้น...ต้องขอโทษจริงๆ" หมายถึงสัปดาห์ที่ทุกคนถูกสอบสวนเรื่องตัวอย่างทดลองที่หายไป มันหนักหนาสาหัสอยู่เอาการ กระทั่งกับตัวเขาเองก็ตาม
'ไม่เป็นไรพลโท...แด่กองทัพอากาศ ไม่ว่าอะไรข้าก็ยินดี'"เรื่องอันโนนของคุณ ผมเสียใจด้วยนะครับ" เขาพูด...น้ำเสียงอาจเหมือนเดิม แต่เขาเสียใจ จากใจจริง "ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้บ้างก็ยินดีนะครับเลห์ม"
ได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบา
'...ข้ายังอยู่ดี ไม่เป็นไรหรอก'"ถ้ามีโอกาสผมอยากจะขอบคุณคุณอยู่เหมือนกัน...โชคดีครับเลห์ม แด่กองทัพอากาศครับ"
เขาวางสายทันทีที่ก้าวออกมาสู่นอกอาคาร อากาศหนาว หิมะยังคงโปรยลงมา รองเท้าบูทสูงย่ำผ่านพื้นที่ปูด้วยหิมะเป็นพรมสีขาว ทิ้งรอยเท้าและหยดน้ำไว้เป็นทาง สายลมรุนแรงที่พัดมาต้องใบหน้าจนชาด้านเรียกสติให้ตื่นตัว ใบหน้าเรียวพยักให้กับทหารอากาศนายหนึ่งที่เดินสวนกัน ตอบด้วยปลายนิ้วที่จรดยังหางคิ้วและรอยยิ้ม เขาเดินเลี้ยวออกจากรันเวย์และโรงเก็บเครื่องบิน เลาะมาเลียบถนนใหญ่ ตรงข้ามกับทิศทางของเครื่องบินรบสีดำสนิทที่เพิ่งทะยานออกไป และสวนกันกับรถหุ้มเกราะสีเขียวขี้ม้าคันหนึ่งที่แล่นผ่านไปอย่างอ้อยอิ่ง สายตาเหลือบมองตามภาพนกฟีนิกซ์สีแดงด้านข้างเพียงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไป
เบื้องหน้าคือคอกเฟรอุส...มังกรขนปุยมากมายรออยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ด้านนอกประตูรั้ว และสบตากับสาวน้อยนางหนึ่ง...เชวอนน์ของเขาสวยขึ้นมาก เฟรอุสสาวสีแดงดุจโลหิตขยับเข้ามาใกล้ ก่อนส่งเสียงร้องทักทายหวีดสูง ชายหนุ่มยิ้ม พลางเอื้อมมือไปสัมผัสกับศีรษะเรียวยาวที่โน้มลงมา เขาตบลงหนักๆสองสามที ไม่ละสายตาจากดวงตาสีเทอร์ควอยซ์คู่งาม
"เชวอนน์...พร้อมรึยังครับสาวน้อย?"
อเล็กเซย์พึมพำ เขารวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลังพร้อมกับบอกทหารดูแลให้เปิดประตูคอก และนำเฟรอุสนั้นออกมา มังกรเขตหนาวสยายปีกที่ปกคลุมด้วยขนดุจนกออกกว้าง บนหลังของมันมีสัมภาระที่เขาเตรียมไว้ตั้งแต่คืนก่อน รัดด้วยแถบผ้าใบหนารัดกุม เชวอนน์ปรายตามองทหารดูแลอย่างเย่อหยิ่ง พลันเชิดหน้าอย่างสง่า เมื่อย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อรับมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของให้ขึ้นมาบนหลังของมัน
ชายหนุ่มก้าวเท้าเหยียบโกลน พาดขาข้ามนั่งบนอานที่ติดไว้ กระชับบังเหียนไว้ในมือ พลันคว้าหมวกนิรภัยสีดำที่แขวนอยู่ข้างกันมาสวม ดวงตามองผ่านกระจกใสสีชา ยามขยับแถบเชือกนั้นจนตึง วางอีกมือลงกับแผ่นหลังแกร่งของเฟรอุส และกระซิบเบา เป็นรหัสที่ตกลงกัน
เฟรอุสสีแดงโผบินขึ้นสูงเหนือฐานทัพอากาศแห่งฟีนิกซ์ ฝ่าพายุหิมะรุนแรง หายลับไปในชั่วพริบตา
------
Red Flag Raised
[END]
though, still be continued....