Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.


เปิดรับตัวละครอยู่ / About EBF // ระบบต่างๆ Happy valentine
 
บ้านบ้าน  PortalPortal  Latest imagesLatest images  ค้นหาค้นหา  สมัครสมาชิก(Register)สมัครสมาชิก(Register)  เข้าสู่ระบบ(Log in)  

 

 [PROJECT UNKNOWN]

Go down 
2 posters
ผู้ตั้งข้อความ
Radianz
ฟอร์เมน
ฟอร์เมน
Radianz


จำนวนข้อความ : 40
Join date : 15/10/2013
ที่อยู่ : Air force base

Player Information
Total Character(s): AF2+RM1+NV1+NPC6+FHCP
Main: Air Force

[PROJECT UNKNOWN] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: [PROJECT UNKNOWN]   [PROJECT UNKNOWN] Icon_minitimeTue Dec 31, 2013 5:38 pm

ไม่แน่ใจว่าอัพยังไงดี แบบนี้ถูกรึเปล่า
แต่อยากเอาทุกสิ่งมารวมกันให้ตามง่ายๆ เข้าใจง่ายขึ้น และเพื่ออนาคตจะได้อัพเดตในกระทู้นี้ค่ะ ; x ;

สำหรับต้นเรื่องทั้งหมดมาจาก [WARNING!]"Unknown" ค่ะ


ปัจจุบันมีผู้ร่วมงานหลายคนด้วยกัน ได้แก่

#3044 Alexei Ard-ri - Air Marshal [Chief of the Project]

[First Team]
#3058 Sakon Zephyros - Flying Officer [Watcher]
#3136 Lehm Leisel - Airman [Watcher]
#3072 Blanche Zandivier - Lab Scientist [Researcher]

[Second Team]
#3004 Scarlet Nightray - Air Chief Marshal [Special Advisor]
#3090 Sine Costan - Lab Scientist [Researcher]

------

UNKNOWNs

AF-U-10270224-0000
Status: Decomposed

AF-U-10270305-0001
Status: Unknown

AF-U-10270305-0010
Status: Dead

AF-U-10270306-0011
Status: Dead

------


1. Blanche Zandivier
[EBF]you're...?

2. Blanca Eirwin
[EBF] UNKNOWN

3. Alexei Ard-ri
[EBF-UNKNOWN] Uncertainty?

4. Sakon Zephyros
[EBF]Unknow? I know... part1[AF]
[EBF]Unknow? I know... part2end[AF]

5. Blanche Zandivier
[EBF]Fish
[EBF] Aquarium [1/?]
[EBF] Aquarium [2/?]
[EBF] Aquarium [3]

6. Lehm Leisel
[EBF] 'S'

7. All
[EBF-UNKNOWN] A safe place is no where

8. All
[EBF-UNKNOWN] NONSCIENCES

9. All, mentioned Ava D. Freud    "Red Flag Raised"
http://e-bf.sosforum.net/t54-topic#778
http://e-bf.sosforum.net/t54-topic#812

To be Continued


แก้ไขล่าสุดโดย Radianz เมื่อ Sat Feb 15, 2014 2:19 pm, ทั้งหมด 8 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://findarato.exteen.com
Radianz
ฟอร์เมน
ฟอร์เมน
Radianz


จำนวนข้อความ : 40
Join date : 15/10/2013
ที่อยู่ : Air force base

Player Information
Total Character(s): AF2+RM1+NV1+NPC6+FHCP
Main: Air Force

[PROJECT UNKNOWN] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [PROJECT UNKNOWN]   [PROJECT UNKNOWN] Icon_minitimeSat Feb 08, 2014 10:22 pm


9. Red Flag Raised (1/2)




โลกของเรานั้นประกอบไปด้วยธาตุสำคัญทั้งสี่ ไฟ ลม ดิน น้ำ ต่างเหนือกว่าและเกื้อหนุนกัน หลอมรวมเสริมสร้างและแผ่ขยาย ธาตุทั้งสี่นั้นคือพลัง ก่อเป็นหนึ่งอณูอันไร้ชีวิต หล่อหลอมหนึ่งชีวิต และต่อชีวิตสืบเนื่องไป ทว่าแผ่นดินนี้มิได้เกิดแต่เพียงสี่ธาตุ ยังมีอีกพลังอันพิเศษ เป็นขั้วตรงข้ามแต่มิอาจแยกจากกัน คือแสงสว่างและความมืด...ธาตุทั้งสี่ ครั้นรวมกับสองพลังอันพิเศษ จึงก่อกำเนิดเป็นมหาทวีปคราทอส และชีวิตอันหลากหลาย เวทมนตร์เป็นดังโลหิตไหลวนภายในคราทอส มันเจืออยู่ในดิน ละลายอยู่ในน้ำ ล่องลอยไปในอากาศ...คราทอสไม่อาจปราศจากเวทมนตร์ และเวทมนตร์ก็ดำรงอยู่ได้ด้วยผืนแผ่นดินแห่งนี้เช่นกัน

นัยน์ตาสีแดงก่ำดังเลือดสะท้อนเงาจากขวดแก้วใบเล็ก เบื้องหลังเงาสีแดงนั้นมีแต่ของไหลสีดำข้นคลั่ก หมุนวนรุนแรง ราวกับต้องการจะหลบหนี หลีกเร้นจากอำนาจที่ควบคุมนี้ กลับคืนสู่ถิ่นที่จากมา...หรือไม่ก็ยอมแหลกสลายไป ดีกว่าจะมีตัวตนอยู่เป็นแต่เพียงวัตถุไร้ร่างที่ถูกจองจำไร้หนทางตราบชั่วนาน

ปลายนิ้วเรียวแตะลงแผ่วเบาที่ข้างขวดแก้ว เล็บงามที่ได้รับการตัดแต่งอย่างดีบรรจงจรดลงเคียงกัน พลันเงาดำภายในที่แผ่กระจายทั่วไปก็กลับหมุนวนหลอมรวมเข้าหากัน กลายเป็นลูกทรงกลม ลอยอยู่กึ่งกลาง ไม่สัมผัสกับขอบใด ราวกับจะหลีกเลี่ยงสัมผัสอื่นจากภายนอก ซึ่งตัวมันไม่ต้องการ

นิ้วโป้งจึงประคองที่ก้นขวด และปลายนิ้วชี้แตะที่ปากขวด ไม้โบราณที่แม้ผ่านไปนานนับร้อยพันปีก็ยังคงเจืออาคมนับเป็นผนึกชั้นดี กลิ่นอายเวทมนตร์ที่เคยมีเพียงละอองเจือจาง บัดนี้กลับเริ่มเพิ่มทวี หนาแน่น และชัดเจน

รองเท้าบูทยาวสีเข้มก้าวบนพื้นมันวับ เงาจางบนพื้นนั้นสะท้อนภาพผนังกำแพงที่เกือบปกคลุมด้วยเครื่องปรุงยาและสัญลักษณ์โบราณมากมาย บานหน้าต่างปรกม่านบางยังมีแสงแดดอุ่นอ่อนโยนทั้งที่อยู่ในช่วงกลางฤดูหนาว ร่างแบบบางหยุดยืนที่ริมกระจกนั้น เท้ามือข้างหนึ่งกับขอบหน้าต่างอันมีแสงผ่านเพียงรำไร ส่วนอีกมือบรรจงประคองขวดลึกลับนั้นให้ต้องแสงตะวัน

กลางแสงอาทิตย์สำคัญในฤดูหนาว เงานั้นยังคงเป็นเงา ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นเงาสีดำทรงกลมที่ไม่สัมผัสกับสิ่งใด

มันเป็นเงาที่เกิดมาจากที่แห่งหนึ่งห่างไกล...เงาเร้นลับนี้ไม่คุ้นชินกับสภาพรอบกาย นางรู้...รู้ด้วยหัวใจที่ประกอบด้วยความมืดดำอันไม่ต่างกัน...เงานี้คือความมืด เช่นเดียวกับพลังอันเป็นหลักแห่งชีวิตที่นางได้รับสืบทอดจากบิดา เป็นพลังอันพิเศษจำพวกเดียวกัน แต่ด้วยเหตุผลและจิตวิญญาณที่แตกต่างออกไป ทำให้ผลของมันนั้นแตกต่างกัน

ภายนอกหน้าต่างอันอบอุ่น หิมะสีขาวยังคงโปรยปราย ความหนาวเหน็บทารุณนั้นคร่าชีวิตผู้คนในเขตหัวไปเป็นอันมาก เขตแดนของกองทัพอากาศแห่งคราทอสเป็นเขตหนาว ภูมิอากาศหนาวทารุณแต่เดิม...ทว่าครั้งนี้รุนแรง และโหดร้ายกว่าที่ผ่านมา

ผลึกน้ำแข็งเกาะกุมด้านนอกของบานกระจกใส แผ่ออกเป็นเกล็ดเรียงร้อยลวดลายวิจิตร และเสียงแก้วกระทบขอบแข็งก็ดังกริ๊ก พร้อมกับเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะห่างไกลออกไป

ที่ขอบหน้าต่างอันเป็นรอยต่อระหว่างความอบอุ่นภายในและความหนาวเย็นโหดร้ายด้านนอก ขวดผนึกอาคมนั้นวางอยู่อย่างหมิ่นเหม่ คล้ายจะร่วงหล่น แต่ไม่อาจร่วงลงสู่พื้นดิน ด้วยไม่มีแรงใดอำนวย สภาพแวดล้อมล้วนมีแต่สิ่งซึ่งแปลกประหลาดและไม่คุ้นเคย บางอย่างก็ราวจะคล้าย แต่ไม่คล้าย มีแต่พลังความมืดภายในเท่านั้นที่รู้จัก และเป็นสัจจริง

พลันนัยน์ตาสีแดงก่ำดังเลือดคู่นั้นก็เหลือบมอง พร้อมรอยยิ้ม

เมื่อครั้งก่อนที่ความหนาวเหน็บเหล่านี้จะถาโถม เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ดำรงตำแหน่งพลอากาศโทในขณะนี้ ได้มาขอความช่วยเหลือจากนาง ผู้เป็นผู้บังคับบัญชา ทั้งมีอำนาจมากกว่า และไม่ใช่วิสัยที่ผู้น้อยจะขอมาให้ลดตัวลงข้องเกี่ยวกับปัญหาที่เขาไม่อาจแก้ไข...แต่เขานั้นพยายาม สายตาคู่นั้นบอกชัดว่าเขาไว้ใจนาง แม้บทสนทนาระหว่างมื้อน้ำชายามบ่ายนั้นจะมีแต่เรื่องราวผ่อนคลายและเสียงหัวเราะ น้ำชากรุ่นหอม และขนมหวานรสละไม ทว่าจุดหมายและใจความนั้นไม่ใช่เลย รอยยิ้มของเขามีแต่ความกังวล และเป็นความกังวลถึงความปลอดภัยของสิ่งอันสำคัญ

สิ่งสำคัญที่สำคัญต่อนางด้วยเช่นกัน

ดังนั้น นางจึงครุ่นคิด ติดต่อปรึกษากับมิตรสหายที่วางใจแทนที่จะเป็นสมาคมผู้ใช้เวทมนตร์และปราชญ์...นางรู้ดีแก่ใจว่าที่นั่นมีแต่ผู้ใช้เวทผู้ทรงอำนาจและปราชญ์มากความรู้ แต่เพราะที่นั่นเป็นที่ของปัญญา ไม่มีอะไรรับประกันว่าปัญญานั้นจะบริสุทธิ์...ไม่มีอะไรรับประกันว่าปัญญานั้นจะไม่หันมาลบล้างเป็นปรปักษ์ต่อสิ่งสำคัญ

อำนาจใดจักแปรเปลี่ยนความรัก เป็นรูปลักษณ์อันมีตัวตน พันธนากับเจตจำนงมุ่งสังหาร

อำนาจใด...

แม่มดร้อยเรียงลำดับ ดุจดังเช่นธาตุทั้งสี่ มีอำนาจเหนือต่อกัน เป็นลำดับแก่กัน หากผิดจากนี้จะมิอาจก่อเกิดสิ่งใดเลย

ลมอาจชนะไฟ...ไฟอาจชนะน้ำ...น้ำอาจชนะดิน...ดินอาจชนะลม...ธาตุล้วนมีชัยแก่แสงสว่าง...แสงสว่างอาจปราบความมืด...ความมืดนั้นเหนือกว่าธาตุทั้งมวล

หากเจตจำนงมุ่งสังหารเป็นดังไฟ อาจชนะน้ำอันเป็นความอ่อนโยนในจิตใจ เป็นชีวิตที่หล่อเลี้ยง และธาตุทั้งสี่ล้วนมีชัยแก่แสงสว่าง

หากเจตจำนงมุ่งสังหารนั้นมีชัย ดังนั้นจึงดับสิ้นแสงสว่าง...ความมืดจักกำชัยชนะเหนือทุกสิ่ง และไม่จำเพาะเพียงแต่กำจัดแสงสว่างของผู้หนึ่งผู้ใด...

ฉับพลัน นางจึงรู้...ว่าบัดนี้ความมืดได้มีชัย แสงสว่างกำลังจะหมดไป

มังกรแห่งความมืด ความหนาวเหน็บ ความสิ้นหวัง...โนวักก์เนียร์กำลังจะมา

และเวลานั้น แม่มดจึงยิ้ม

ยิ้มให้กับความว่างเปล่า แต่อาจไม่ได้ว่างเปล่า

ยิ้มให้กับความมืดนั้น แต่อาจไม่ได้มืดมิดโดยแท้จริง

และยิ้มให้กับตนเอง...แม้อาจไม่ใช่ตัวตนแต่ใดเลย



------



พยากรณ์อากาศวันนี้บอกว่าหิมะจะตก ลมแรงกว่าที่เคย และไม่ควรออกจากบ้านหากไม่จำเป็น ข้างนอกนั้นจะอันตราย

อเล็กเซย์ อาร์ด-รี กระแทกปุ่มปิดเสียงโทรทัศน์อย่างไม่สบอารมณ์ เขาพาดขาไขว่ห้างอยู่ที่เก้าอี้นุ่ม เท้าแขนทั้งสองไว้ด้านข้าง มือหนึ่งกำรีโมตชี้ไปยังเครื่องรับสัญญาณ ปลายตรงและแม่นยำ หากมีลำแสงยิงผ่านจากกึ่งกลางของรีโมตทีวี แน่นอนว่าจะผ่าครึ่งเครื่องรับนั้นได้พอดิบพอดี

น่าเสียดายที่วัตถุในมือเป็นเพียงเครื่องส่งสัญญาณ

ชายหนุ่มยัดรีโมตลงกับช่องข้างแท่นเท้าแขน พลันยันร่างลุกผละจากเก้าอี้ที่นั่งจ่อมจมมาเกือบตลอดทั้งวัน อเล็กเซย์ไม่อยากฟังอะไรซ้ำซาก เขาอยากทำงาน เขาอยากเดินหน้าต่อ แต่ตอนนี้กำลังเสียเวลา และเขาอาจจะพาทั้งกองทัพให้เสียเวลาไปพร้อมกัน ยิ่งนานวันก็ยิ่งเสี่ยงมาก ซ้ำความเสี่ยงนั้นอันตรายถึงชีวิต...ชายหนุ่มคาดเดาไม่ได้ว่าอันตรายนั้นจะรุนแรงแค่ไหน และเขาไม่อยากให้ใครอื่นต้องมารับเคราะห์กับสิ่งที่ตนก่อ

ข่าวคราวเมื่อกว่าเดือนก่อนนั้นยังจำได้ติดตา 'UNKNOWN' ของเขาบุกเข้ายังโรงเรียนแพทย์ในกลางมหานครฟีนิกซ์ ปลอมแปลงตนเป็นนายแพทย์ผู้หนึ่ง เพียงเพื่อกำจัดพยานคนสำคัญผิดปาก ไม่ให้เปิดเผยความลับใดหลุดรอดต่อไป...เคราะห์ดีที่ยามนั้นยังมีผู้ช่วยเหลือได้ทันเวลา หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้ปลอมแปลงนั้นมีเวลาน้อย ไม่รอบคอบพอจะปลิดชีพพยานนั้นได้ในครั้งเดียว อาจเป็นเพราะเจตนาที่แท้จริงเพียงหวังข่มขู่ หรืออาจเพราะการกำจัดพยานนั้น...บลังเช่ แซนดิเวียร์ นักวิทยาศาสตร์ของเขา...ไม่ใช่เจตนาโดยตรง จึงไม่อาจทุ่มเทเพื่อสิ่งนี้ก็เป็นได้

หลายครั้งที่พลอากาศโทนึกอยู่ในใจ ว่าเขาน่าจะกำจัดมันไปเสียตั้งแต่ต้น ไม่น่ามุ่งหวังอะไรจากมันเลย...เขาเสียเวลา และเสียกำลังใจกับมันมามากจนอยากจะย้อนเวลากลับไปเปลี่ยน แต่ทำไม่ได้...ทั้งที่ความสงสัยของเขา...ความสงสัยต่อความไม่ชอบมาพากลของบางสิ่งบางอย่างที่คุกคามคราทอสนั้นทำให้เพื่อนทหารต้องเดือดร้อน จนเกือบถึงแก่ชีวิต และแน่ใจว่านับแต่นี้ไปคงมีใครอีกหลายคนที่ได้รับอันตราย

ชายหนุ่มไม่อยากยอมรับกับตน...เมื่อครั้งที่บลังเช่ แซนดิเวียร์ รายงานว่าทุกอย่างสูญเปล่า...ชั่วขณะหนึ่งเขาลอบดีใจ เป็นความดีใจที่น่ารังเกียจ...แต่ก็กลับทำให้เขาเข้าใจตัวเองขึ้นมาอีกขั้น

จากวันนั้น จนวันนี้ ความสงสัยแต่แรกยังอยู่

บางสิ่งที่กำลังคุกคามคราทอสนั้นคือสิ่งใด มีเจตนาอันใด

ความปั่นป่วนวุ่นวายในแผ่นดินนั้นไม่ใช่เรื่องอย่างเล่นหม้อข้าวหม้อแกงแบบเด็กอมมือ เรื่องของการต่อสู้และสงครามไม่ใช่การเล่นสนุกควบคุมหุ่นรบหรือเกมกระดาน...ถ้าสิ่งซึ่งก่อความวุ่นวายนั้นเกิดจากการวางแผนเป็นอย่างดี เขาจะดีใจ มากกว่าเมื่อพบว่าเป็นแค่การเล่นสนุกของใครคนหนึ่งเท่านั้น

การรบอย่างมีเกียรติเพื่อสิ่งสำคัญ

ย่อมน่าพึงใจกว่าการทำลาย เพียงเพราะมีอำนาจพอ และต้องการจะทำ

และหากเรื่องทั้งหมดเป็นความเลวร้ายของใครสักคนที่คิดมาอย่างแยบยล ไม่ใช่ทั้งวิทยาศาสตร์ หรือเวทมนตร์ที่จะสืบแสวงหาได้โดยง่าย

เขาก็อยากจะรู้นัก...ว่ามันเป็นใคร

มือเรียวคว้าเอาเสื้อคลุมสีขาวเข้าห่อหุ้มร่าง ขอบขลิบสีแดงชาดกลืนกินเป็นหนึ่งเดียวไม่ขัดกัน เส้นผมยาวสีดำดุจกาซ่อนไว้ใต้หมวกขาวที่ทอดเงาจนมองเห็นนัยน์ตาสีฟ้าซีดเซียวสะท้อนเป็นแสงขาว อเล็กเซย์คว้าจะหยิบปืนกระบอกใหญ่คู่ใจติดมือมา แต่ก็กลับนิ่งไป แล้วจึงวางมันไว้ที่นั่น ก่อนจะคว้าบางอย่างที่ใกล้เคียงกันติดตัวมาแทน

ชายหนุ่มสาวเท้าเร็วรีบ ทิ้งให้บานประตูเบื้องหลังเคลื่อนปิดและลงกลอนตัวเอง รองเท้าบูทหนังสีดำสูงเกือบถึงเข่าย่ำผ่านพื้นแข็งตามทางเดิน เขายังไม่อยากคุยกับใครในตอนนี้ จึงจงใจใช้ทางหลบเลี่ยงสายตาผู้คน ออกมายังปีกหนึ่งของฐานทัพอากาศ ทว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกลับสั่นรุนแรงขึ้นมากะทันหัน ชายหนุ่มจึงหลบเข้ามายังมุมรอยต่อทางเดินหนึ่ง เบื้องหลังของเขาเป็นทางตัน และยังไม่มีใครเข้าใกล้บริเวณนี้ นอกเสียจากภาพที่อาจขึ้นในจอของกล้องวงจรปิด แต่ก็ไม่เป็นไร

"สวัสดีครับ" เสียงออกทุ้มทักทายอีกฝั่งหนึ่งที่มองไม่เห็นหน้า ชายหนุ่มประคองเครื่องมือสื่อสารสีขาวไว้หลวมๆด้วยปลายนิ้ว พลางกระชับคอเสื้อหนาให้อบอุ่นยิ่งกว่าเดิม

"ดิฉันเข้าใจสิ่งที่คุณต้องการแล้วค่ะ...พลโท" น้ำเสียงคุ้นเคยของแม่มดแดง พลอากาศเอก สการ์เล็ต ไนท์เรย์ ผู้บังคับบัญชา และที่ปรึกษาเฉพาะกิจในการทดลองวิจัยครั้งนี้ ดังขึ้นอย่างอ่อนหวาน "จะเป็นเวลาไหนดีคะ"

ลมหายใจสะดุดลงชั่วขณะ "ขออภัยครับท่าน พอดีวันนี้ผมมีภารกิจ...อาจจะกลับมาอีกทีสักเย็นๆ...ถ้าพรุ่งนี้เช้าไม่ทราบว่าท่านมีเวลาไหมครับ?"

"ถ้าตอนนี้จะสะดวกที่สุดค่ะ" แม่มดแดงตอบกลับเขาทันควัน ดูเหมือนจะมีความเร่งร้อนบางอย่าง "แต่ถ้าไม่ว่างจริงๆ พรุ่งนี้เช้าก็ยังได้อยู่เหมือนกันค่ะ"

"งั้น...ผมขอรบกวนท่านวันพรุ่งนี้แปดโมงเช้า...ได้ไหมครับ"

"สักเจ็ดโมงสี่สิบห้าก็ได้นะคะ คงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่...จะได้ทันเวลา พรุ่งนี้คุณจะได้ไม่สาย..." เป็นความเร่งร้อนจริงดังคาด

ชายหนุ่มจึงตอบรับอย่างไม่ลังเล "ครับท่าน เจ็ดโมงสี่สิบห้าครับ"

"โชคดีในภารกิจวันนี้นะคะ อเล็กเซย์"

"ขอบคุณครับท่าน"

อเล็กเซย์วางสาย พลิกมือชั่วพริบตาให้เครื่องมือสื่อสารประจำกองทัพกลับคืนสู่กระเป๋า ชายหนุ่มเดินกึ่งวิ่งจนออกจากตัวอาคาร ผ่านระหว่างลานกว้าง สู่อีกอาคารหนึ่งที่เชื่อมถึงกัน ภายในนั้นมีทหารจำนวนหนึ่งตั้งแถวอยู่ เครื่องแบบสีแดงเด่นกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว

ชายหนุ่มยืนอยู่เบื้องหน้าของทหารทุกนาย เขาเป็นผู้เดียวในนั้นที่สวมเครื่องแบบสีขาว ไม่ใช่สีแดง

"ผมเข้าใจว่าทุกท่านคงจะได้ล่ำลาบรรดาลูกเมีย ญาติสนิทมิตรสหายกันมาแล้วเรียบร้อย..." พลอากาศโทอเล็กเซย์กล่าวทั้งรอยยิ้ม กราดสายตาทั้งคุกคามและดุดันผ่านทหารทุกนาย...ไม่สะดุดแม้กระทั่งกับผู้คุ้นเคย หนึ่งในผู้ที่ร่วมโครงการวิจัยด้วยกันมา

บลังเช่ แซนดิเวียร์ ยืนอยู่ที่นั่น ด้วยสีหน้าที่ไม่ใส่ใจไยดีกับชีวิตของใครกระทั่งตนเอง

ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง

"แต่ผมเชื่อ ว่าเราทุกคนภูมิใจ...หนึ่งในเกียรติสูงสุดของเราชายชาติทหาร คือการช่วยเหลือแผ่นดิน...ฟรอเซนไฮด์กำลังจะพัง ถ้าไม่มีกำลังจากพวกเราเข้าไปช่วยเหลือ ทุกคนจะตาย...เพื่อนพ้อง พี่น้องของเรา จะต้องตาย... 'ภารกิจแช่แข็ง' ของเรา ก็แค่ต้องแลกกันนิดหน่อยครับ และสิ่งที่พวกเราจะทำคือสนับสนุนเขา...จากอีกที่หนึ่ง"

ริมฝีปากชุ่มชื้นพลันคลี่ยิ้ม

“พวกคุณมีเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ถ้าพ้นสัปดาห์นี้ไปแล้ว คำสั่งใหม่จะมาอีกครั้งครับ” เขาพยักหน้า ยืนยันกับสายตาทุกคนอีกที “...เราจะไปด้วยกัน จนกว่าจะถึงตอนนั้น”

พวกเขาจะออกเดินทาง...พรุ่งนี้เช้า

เพียงแต่จุดหมายนั้นอาจไม่ใช่เมืองสีเทา

และต้องรวดเร็ว ระมัดระวัง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้น

ในวันพรุ่งนี้...



------


แก้ไขล่าสุดโดย Radianz เมื่อ Sat Feb 15, 2014 2:31 am, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://findarato.exteen.com
Radianz
ฟอร์เมน
ฟอร์เมน
Radianz


จำนวนข้อความ : 40
Join date : 15/10/2013
ที่อยู่ : Air force base

Player Information
Total Character(s): AF2+RM1+NV1+NPC6+FHCP
Main: Air Force

[PROJECT UNKNOWN] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [PROJECT UNKNOWN]   [PROJECT UNKNOWN] Icon_minitimeSat Feb 15, 2014 2:14 am

9. Red Flag Raised (2/2)




‘เอ็ดการ์ ฟีนิกซ์...ไอ้พวกกบฏ...’



[ซ่า------]



‘ลากหัวมันมาให้ได้’



‘พี่น้องของเราจะจัดการ’



[ซ่า------]



‘กำจัดกบฏชุดแดง เพื่อแผ่นดินราชา’



มือบางขยับแตะที่หูฟังสีดำครอบหนังสีแดง พลางหรี่ตามองภาพบนหน้าจอที่ยังคงเป็นสีดำสนิท แถบสีเงินด้านล่างเคลื่อนไปช้าๆ คลิปนี้กำลังจะจบ แต่เขารู้สึกเหมือนไม่ได้อะไร ตลอดเวลาของคลิปนั้นไม่ปรากฏภาพใดๆ นอกจากตราฟีนิกซ์ของกองทัพอากาศที่ถูกสาดทับด้วยสีดำ และเสียงคนพูดที่ผ่านการดัดแปลงด้วยคอมพิวเตอร์ อาจจะเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตามตัวเจอว่าเจ้าของนั้นเป็นใคร

ใจความทั้งหมดไม่ได้มีสาระสำคัญ นอกจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังจะกระทำการเพื่อแผ่นดิน กำจัดกบฏชุดแดงนำโดยเอ็ดการ์ ฟีนิกซ์...ดูเหมือนพวกนั้นจะมีพรรคพวกจากกลุ่มพี่น้อง ซึ่งอาจจะหมายถึง The Brotherhood สมาคมนักฆ่าจากยูนิคอร์น เสียงในคลิปนั้นบอกว่าสงครามอิคดราซิลนี้ ทัพอากาศจะต้องแพ้ พวกเขาจะกำจัดผู้บัญชาการให้ได้ จะไม่ให้กองทัพแดงได้พื้นที่นี้ไปเด็ดขาด

เพราะฉะนั้น เขา...ไซน์ คอสแทน...จึงบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ เผื่อว่าอนาคตพวกนี้จะไหวตัวทัน และลบมันไป จะได้ยังมีหลักฐานให้ติดตามสาวถึงต้นตอ...รู้อยู่แก่ใจกันทั้งนั้นว่าหนทางของพวกเขาคงไม่ได้มีแต่กลีบกุหลาบ กองทัพย่อมมีผู้ขัดขวาง คนที่ไม่เห็นด้วยมีอีกมาก ผู้คนในส่วนกลางนั้นเป็นแค่คนที่ยังไม่ก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย แต่เขาเชื่อว่าในเวลานี้ที่สงครามกำลังปะทุ คงไม่มีใครที่ในใจลึกๆแล้วยังเป็นกลางโดยแท้จริง...ไม่มีใครที่จะลอยตัวเหนือปัญหาที่กำลังคืบคลานมาที่หลังคาบ้านของตน

แสงสว่างจากโคมไฟสีขาวสะท้อนกับแว่นตา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม ปลายนิ้วขยับเม้าส์คลิกที่มุมหนึ่งของหน้าจอ หน้าต่างใหม่ผุดขึ้นมาที่มุมนั้น

‘Track down?’

ชายหนุ่มกดตอบรับในทันที พลันผละออกจากหน้าจอ ปล่อยให้สิ่งซึ่งคิดคำนวณไว้นานแล้วเดินไปตามทางของมัน เขาหยิบเครื่องมือสื่อสารกองทัพของตนขึ้นมา เลื่อนปลายนิ้วสั่งเปิดหน้าจอใหม่ขึ้น

ภาพที่ฉายสว่างกลางอากาศคือแผนที่ของเขตส่วนกลางอิคดราซิล

รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่เป็นนิจค่อยจางลงจนเลือนหาย สีหน้ากลับกลายเป็นเรียบเฉย สายตามองแต่จุดกึ่งกลางของพื้นที่อันเป็นสีเขียว นิ่งไปนาน

เพราะครั้งนี้ เขาจะไม่แพ้

จะไม่ยอมแพ้ให้กับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

ทันทีที่รหัสตัวเลขชุดหนึ่งปรากฏบนหน้าจอที่เปิดค้างไว้ เขารีบบันทึกลงในเครื่องมือสื่อสาร ก่อนจะเปิดอีกหน้าต่างขึ้นมา บันทึกภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์อีกฝั่งฟาก ในห้องทดลองที่ไม่ได้ว่างเปล่านั้นมีแต่เสียงปลายนิ้วระรัวพิมพ์ และเสียงหัวเราะในลำคอของชายผู้นี้

นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าเลื่อนขึ้นมองเหนือขอบจอภาพ เขาเห็นแต่ผนังอันเป็นสีขาว

ทว่าในความคิด ภาพของแสงสว่างสีเพลิงร้อนระอุปรากฏชัดเจน ยิ่งกว่าที่เห็นด้วยสายตา

เขาเห็นมังกร เห็นกองทหาร เห็นกองเรือที่จะเข้าประชิดชายฝั่งสตอร์มบอร์น เห็นทหารชุดดำที่จะก้าวผ่านเขตส่วนกลางมาตั้งค่ายที่โลธีเนียนส์พาส เห็นต้นไม้สีเขียวชอุ่ม น้ำตก เมืองหนึ่งที่ซ่อนเร้นหลังปราการวิเศษ

และเหนือกว่าสิ่งใด คือเปลวเพลิง

เปลวเพลิงนั้นกลืนกินผืนป่า แผดเผาให้ทุกสิ่งมอดไหม้ลงไปกับตา เปลวเพลิงนั้นร้อนแรง ดุดัน และน่าสะพรึงกลัว

เปลวเพลิงนั้น...เป็นสีแดง


------



ท่ามกลางพายุหิมะที่ยังคงโหมกระหน่ำ ข่าวสารการรับสมัครทหารใหม่สู่กองทัพทหารหลวงและกองทัพนาวีแพร่สะพัด ผู้คนในคราทอสต่างตื่นตัวกับการคืบหน้าของสงครามที่ตั้งท่าจะระเบิดมานานหลายปี แต่ในฟีนิกซ์ ทุกอย่างยังคงเงียบสงัด กลางรันเวย์กว้าง เครื่องบินรบยังคงบินขึ้นสู่ฟ้าลำแล้วลำเล่า ส่งเสียงอื้ออึงเสียดหู แล้วหายลับไปเหนือเมฆหนาจากพายุโนวักก์เนียร์ ไม่มีใครเห็นอีกว่าปลายทางของพวกเขาคือที่ใด และไม่มีใครสนใจ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวัน

ชายหนุ่มเดินไปตามเฉลียงคฤหาสน์ใหญ่ ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของตระกูลฟีนิกซ์ แต่บัดนี้แปรสภาพเป็นศูนย์กลางกองบัญชาการกองทัพอากาศ วันนี้เขาสวมชุดเครื่องแบบสีแดงเข้มรัดกุม บริเวณขอบขลิบด้วยผ้าสีดำอย่างหน่วยรบจู่โจม ทับด้วยผ้าคลุมสีขาวบอกยศระดับนายพล รองเท้าบูทหนังสูงครึ่งแข้งย่ำผ่านพื้นพรมสีแดงอย่างรวดเร็ว เพดานเบื้องบนเป็นสีโทนสว่าง โคมไฟงดงามสาดแสงตัดกันจนไม่เห็นเงาในทิศใด

นัยน์ตาสีฟ้าซีดเหลือบลงมองนาฬิกาเกรย์สกอตสีขาวประดับคริสตัลที่ข้อมือ เจ็ดโมงครึ่ง...เขาน่าจะถึงพอดีกับเวลา ไม่ต้องรีบมาก

"อุ๊ย คุณอเล็กเซย์..."

เสียงหวานของสตรีดังขึ้น ทักให้เขาต้องชะงักไป...เธอเป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากเด็กสาว และรอยยิ้มร่าเริงกับตุ๊กตากระต่ายในอ้อมแขนก็ชวนให้เชื่ออย่างนั้น เพียงแต่เด็กสาวคนนี้มียศสูงกว่าเขาเสียอีก เพราะฉะนั้นเนื้อแท้ของเธอย่อมมีอะไรมากกว่าเด็กสาวตัวน้อยที่ติดเล่นตุ๊กตา

พลอากาศเอก เอวา ดี ฟรอยด์ เดินออกมาจากอีกทางหนึ่ง เอียงคอยิ้มให้กับเขา ดวงตากลมโตสีฟ้าจ้องมองอย่างตื่นเต้นนิดๆ "บังเอิญจังเลยนะคะ เอวาไม่คิดว่าจะเจอคุณอเล็กเซย์อีกซะแล้ว...วันนี้ต้องรีบไป" เธอขยิบตาพลางชี้นิ้วเหนือศีรษะ "...แล้วแท้ๆเลยนะ"

ยังไม่รู้ว่าเจตนาคืออะไร ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ "แหม...ผมยังร่ำลาคนไม่หมดเลยครับ ให้ผมรีบขนาดนั้นใจร้ายจังเลย"

"เอวาเปล่าใจร้ายนะคะ" พลเอกขำคิก "เอวาเองก็ต้องรีบไปเหมือนกัน พวกพี่น้องของคุณอเล็กเซย์เหมือนจะมีเรื่องอะไรๆกับเรา ก็เลยต้องรีบหน่อยน่ะค่ะ"

"อะไรนะครับ...พี่น้องของผมงั้นเหรอ..." เขาเข้าใจได้ในทันที ก่อนจะหัวเราะเบาๆ "ไม่ได้ติดต่อนานแล้วล่ะครับ เขาคงไม่นับผมเป็นพี่น้องแล้วด้วยซ้ำล่ะมั้ง...มีเรื่องอะไรที่ผมช่วยได้รึเปล่า?"

"เอ...แต่ 'ภารกิจแช่แข็ง' นี่วันนี้แล้วนี่คะ ตายแล้ว!" เอวา ดี ฟรอยด์ ทำตาโต ท่อนแขนเล็กนั้นกอดตุ๊กตากระต่ายแน่น "เอวาทำให้คุณอเล็กเซย์ช้าไปแล้วแน่เลย ไม่กวนแล้วค่ะ ไม่กวนแล้วนะ" เธอยิ้มหวาน โบกมือไหวๆ พลันก็หยิบมือกระต่ายน้อยให้โบกมือไปพร้อมกัน "เรื่องทางนั้นก็โชคดีนะคะ! เอวาเชียร์อยู่"

มือเรียวใต้ถุงมือหนังสีดำเคลื่อนกระทำวันทยาหัตถ์อำลา เขายิ้มให้กับผู้บังคับบัญชาที่เดินผละออกไป ก่อนจะก้าวต่อไปในทางเดียวกับที่เอวาเพิ่งเดินออกมา ทันทีที่แน่ใจว่าลับจากสายตาของอีกฝ่าย คิ้วเรียวจึงค่อยเคลื่อนเข้าหากัน เขาสงสัยอะไรบางอย่าง ดูเหมือนจะมีเรื่องเกี่ยวกับ Brotherhood แต่เวลานี้เขาคงทำอะไรไม่ได้มาก...เอวา ดี ฟรอยด์ดูจะรู้เรื่องความเคลื่อนไหวของตนมากกว่าที่เคยคิด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเธอรู้จริงหรือแค่บลัฟ ทำเฉยไว้คงดีกว่า

หลังมือเคาะประตูสามครั้งตามธรรมเนียม ก่อนจะก้าวเข้าไป "ขออนุญาตครับท่าน" เขารีบปิดประตู เพื่อไม่ให้ใครหรืออะไรภายนอกได้เห็นภาพด้านในอีก แล้วจึงยืนนิ่งพร้อมทำความเคารพแก่ผู้บังคับบัญชาอีกท่านหนึ่งผู้เป็นเจ้าของห้องนี้ อเล็กเซย์ค่อยก้าวเข้าใกล้หญิงสาวในชุดเครื่องแบบสีขาวปลอดที่นั่งอยู่กับโซฟานุ่ม เรือนผมสีแดงประดับริบบิ้นสีดำสนิทนั้นดูราวกับเลือด เขารู้สึกยินดีทุกครั้งที่มองหน้าเธอ...รู้สึกยินดีที่สการ์เล็ต ไนท์เรย์ เป็นพวกเดียวกันกับตน แทนที่จะขัดขวางเป็นศัตรู

"นั่งก่อนสิคะ อเล็กเซย์" สการ์เล็ตผายมือ และยิ้มให้ เขาจึงนั่งลงตามคำเชิญนั้น พลางลอบสำรวจสภาพภายในห้อง...ห้องทำงานของพลอากาศเอกนั้นสมกับเป็นแม่มด ทุกอย่างตกแต่งอย่างน่ารักด้วยสีดำ เช่นผ้าลูกไม้บนโต๊ะ ตุ๊กตาผู้หญิงที่วางประดับอยู่บนชั้นวางสูง และปีกคล้ายค้างคาวขนาดใหญ่ที่ผนัง ซึ่งชวนให้นึกสงสัยว่าเป็นปีกของอะไรกันแน่...

"เมื่อกี้ได้เจอเอวารึเปล่าคะ...พอดีเขาเพิ่งออกไปไม่นานนี้เอง" แม่มดสาวเอ่ยถาม

"ก็...ครับ" อเล็กเซย์ตอบรับด้วยรอยยิ้ม มือเคลื่อนไปจัดเรือนผมสีดำให้เรียบตรง "เหมือนท่านเอวาจะมีงานด่วนอยู่เหมือนกัน"

สการ์เล็ต ไนท์เรย์ ขยับมือเล็กน้อย พลันกระดาษชุดหนึ่งก็เลื่อนจากริมโต๊ะด้านข้างมาให้หยิบได้อย่างสะดวก "ฉันแกะรอยไปได้แล้วล่ะค่ะ บอกตามตรงว่าไม่น่าเชื่ออยู่เหมือนกัน..." เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขาอ่าน พร้อมกับรอยยิ้มที่เชิงจะลำบากใจ "พอเป็นแบบนี้เข้าแล้วเลยคิดว่า...ฉันคิดว่านะคะ...คุณอย่าบอกคนอื่นเลยดีกว่า"

เสี้ยววินาทีที่เขาปรายตามอง หัวใจก็เริ่มเต้นรัว มันสำคัญจนต้องกลั้นหายใจ...เขากระหายอยากจะจัดการมันให้สิ้นซากไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่ไม่ใช่...ยังมีอะไรที่ทำได้มากกว่านี้ มีสิ่งที่ทำได้มากกว่าแค่ทำลายมันลง นี่จะเป็นเครื่องมือสำคัญ

...สำคัญ...

"...แต่ฉันก็เป็นแค่ที่ปรึกษาของคุณ โครงการนี้คุณเป็นคนเริ่ม ข้อมูลนี้แล้วแต่คุณจะจัดการแล้วกันค่ะ" หญิงสาวผู้มีสีแดงยิ้มน้อยๆ พลางเอื้อมมือไปสัมผัสกับมือใต้ถุงมือหนังสีดำที่กำแผ่นกระดาษนั้นไว้ แล้วสบตา "ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้ ก็บอกได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ"

ชายหนุ่มจึงหัวเราะเบาๆ "ครับ ผมจะรายงานขึ้นไป" ในใจนึกขอบคุณ แต่ยังไม่บอกไป

"จะว่าไป..." มือนั้นผละออก สการ์เล็ตเปรยขึ้น พร้อมกับคิ้วเรียวที่เคลื่อนเข้าหากัน "ฉันหวังว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าเรารู้แล้ว ไม่อย่างนั้นความได้เปรียบนี้หายไปคงแย่..."

"สงคราม..." ชายหนุ่มพูดขึ้น แล้วเงียบไป เขาสบตาเข้ากับอีกคน พลันก็ราวกับจะเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดออกมา

เมื่อฝั่งนั้นมีพลังเช่นนี้อยู่ ดัดแปลงเวทมนตร์ ควบคุมและสะท้อน ใช้พลังเวทน้อยแต่มีประสิทธิภาพ และรุนแรง อย่างไม่มีข้อจำกัดทางมนุษยธรรมใดๆ...สงครามจะทำให้พวกเขายิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก และไม่มีใครจะสู้ได้ ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะในสงครามที่กำลังจะระเบิด เพียงมีความสูญเสีย มีคนเจ็บ และคนตาย...เพียงเท่านี้ พวกนั้นก็แทบจะคว้าชัยชนะในอนาคตมาได้แล้วในกำมือ 'Unknown' ทั้งหมด เป็นเหมือนเพียงบททดลองขั้นที่หนึ่ง เป็นแค่ของเล่นสนุกชิ้นหนึ่ง...ของจริงจะมากกว่านี้...

เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้ช้าไปกว่านี้

เพราะเขาไม่อยากให้ใครก็ตามได้รับชัยชนะบนซากปรักหักพัง

"ไว้ถ้าผมกลับมาจากฟรอเซนไฮด์ คงจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างเลยล่ะครับ" อเล็กเซย์เก็บเอกสารใส่ซองสีน้ำตาลอย่างบรรจง ยันร่างยืนขึ้น แล้วยกปลายนิ้วจรดที่หางคิ้ว "ขอบคุณมากครับท่าน แด่กองทัพอากาศ"

"แด่กองทัพอากาศค่ะ" สการ์เล็ตรับการทำความเคารพนั้น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

พลอากาศโทรีบออกจากห้องไป เขามองนาฬิกา เป็นเวลาแปดโมงตรง ยังพอมีเวลา...

ชายหนุ่มก้าวเท้าสับกันรวดเร็ว เขาล้วงมือหยิบเครื่องมือสื่อสารประจำกองทัพขึ้นมา เลือกกดโทรออกหาใครคนหนึ่ง

"...ไงครับซาคอน"

ได้ยินเสียงอุทานหยาบคายมาจากอีกฝั่ง 'ขอประทานโทษครับ สวัสดีครับท่าน มีธุระอะไรรึเปล่าครับ'

"เปล่าหรอกครับ...แค่อยากแสดงความเสียใจกับเรื่องคุณพ่อของคุณสักครั้ง ช้าไปรึเปล่าครับเนี่ย..." พูดพลางก็ยิ้มขำๆ "เกือบจะหนึ่งปีแล้วนะ"

เกือบหนึ่งปีที่พวกเขาทำงานด้วยกัน...ไม่ได้สื่อสารอะไรกันมาก นอกจากเตรียมการเฝ้าระวัง ซาคอน เซฟิรอส ช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ตอนแรกเริ่มปฏิบัติการ ตั้งแต่ไปเมืองเล็กๆห่างไกลในภูเขานั้นที่ชื่อฟีรัน หนึ่งปีที่ผ่านมาที่อดหลับอดนอนทำงานกันมา...เขายังไม่เคยขอบคุณ ไม่ว่าจะด้วยอะไร

และเวลานี้ พลอากาศโท อเล็กเซย์ อาร์ด-รี กำลังจะไปฟรอเซนไฮด์

เพราะฉะนั้นคงยังไม่มีโอกาส จนกว่าจะได้กลับมาอีกครั้ง

'ครับ...ท่าน...รู้แล้วเหรอครับ...' อีกฝ่ายตอบโดยหลีกเลี่ยงใจความสำคัญ 'ป...เป็นหน้าที่ครับท่าน ผมยินดีเสมอ แด่กองทัพอากาศ'

"นี่คุณอยู่ไหนครับเนี่ยหืม?"

'โรงอาหารครับ...ม-มีอะไรรึเปล่าครับท่าน...' ได้ยินเสียงใครอีกคนพูดออกมาในสาย จับใจความไม่ได้ แต่คุ้นหูเป็นยิ่งนัก น่าจะเป็นเด็กปีศาจคนนั้นจากตระกูลเอลิเชีย...เป็นเสียงที่ทำให้เขายิ้ม

"เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากจะบอกแค่นี้แหละ" ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใส "ขอให้คุณโชคดีครับ แด่กองทัพอากาศ"

ทันทีที่วางสาย ก็กดต่อไปอีกเบอร์หนึ่ง...เสียงตอบรับจากปลายสายนั้นต่างออกไป 'สวัสดี เลห์ม ไลเซลพูด'

"สวัสดีครับเลห์ม...ผมโทรมาบอกครับ เนื่องในโอกาสที่กำลังจะครบหนึ่งปี..." นัยน์ตาสีฟ้าเคลื่อนหรี่ลงเล็กน้อย ยามเดินผ่านทางเดินคอนกรีตที่มีหลังคาคลุม อากาศภายนอกหนาวลึกถึงกระดูก และสายลมพัดแรงจนยากจะต้านทาน "ขอบคุณสำหรับโครงการของเรานะครับ"

'ข้ายินดี ไม่เป็นไร' เลห์ม ไลเซล พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ และหนักแน่นอย่างเคย

"ผมขอโทษด้วย ถ้าคุณต้องลำบากเพิ่มเพราะงานนี้ อย่างสัปดาห์นั้น...ต้องขอโทษจริงๆ" หมายถึงสัปดาห์ที่ทุกคนถูกสอบสวนเรื่องตัวอย่างทดลองที่หายไป มันหนักหนาสาหัสอยู่เอาการ กระทั่งกับตัวเขาเองก็ตาม

'ไม่เป็นไรพลโท...แด่กองทัพอากาศ ไม่ว่าอะไรข้าก็ยินดี'

"เรื่องอันโนนของคุณ ผมเสียใจด้วยนะครับ" เขาพูด...น้ำเสียงอาจเหมือนเดิม แต่เขาเสียใจ จากใจจริง "ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้บ้างก็ยินดีนะครับเลห์ม"

ได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบา '...ข้ายังอยู่ดี ไม่เป็นไรหรอก'

"ถ้ามีโอกาสผมอยากจะขอบคุณคุณอยู่เหมือนกัน...โชคดีครับเลห์ม แด่กองทัพอากาศครับ"

เขาวางสายทันทีที่ก้าวออกมาสู่นอกอาคาร อากาศหนาว หิมะยังคงโปรยลงมา รองเท้าบูทสูงย่ำผ่านพื้นที่ปูด้วยหิมะเป็นพรมสีขาว ทิ้งรอยเท้าและหยดน้ำไว้เป็นทาง สายลมรุนแรงที่พัดมาต้องใบหน้าจนชาด้านเรียกสติให้ตื่นตัว ใบหน้าเรียวพยักให้กับทหารอากาศนายหนึ่งที่เดินสวนกัน ตอบด้วยปลายนิ้วที่จรดยังหางคิ้วและรอยยิ้ม เขาเดินเลี้ยวออกจากรันเวย์และโรงเก็บเครื่องบิน เลาะมาเลียบถนนใหญ่ ตรงข้ามกับทิศทางของเครื่องบินรบสีดำสนิทที่เพิ่งทะยานออกไป และสวนกันกับรถหุ้มเกราะสีเขียวขี้ม้าคันหนึ่งที่แล่นผ่านไปอย่างอ้อยอิ่ง สายตาเหลือบมองตามภาพนกฟีนิกซ์สีแดงด้านข้างเพียงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไป

เบื้องหน้าคือคอกเฟรอุส...มังกรขนปุยมากมายรออยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ด้านนอกประตูรั้ว และสบตากับสาวน้อยนางหนึ่ง...เชวอนน์ของเขาสวยขึ้นมาก เฟรอุสสาวสีแดงดุจโลหิตขยับเข้ามาใกล้ ก่อนส่งเสียงร้องทักทายหวีดสูง ชายหนุ่มยิ้ม พลางเอื้อมมือไปสัมผัสกับศีรษะเรียวยาวที่โน้มลงมา เขาตบลงหนักๆสองสามที ไม่ละสายตาจากดวงตาสีเทอร์ควอยซ์คู่งาม

"เชวอนน์...พร้อมรึยังครับสาวน้อย?"

อเล็กเซย์พึมพำ เขารวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลังพร้อมกับบอกทหารดูแลให้เปิดประตูคอก และนำเฟรอุสนั้นออกมา มังกรเขตหนาวสยายปีกที่ปกคลุมด้วยขนดุจนกออกกว้าง บนหลังของมันมีสัมภาระที่เขาเตรียมไว้ตั้งแต่คืนก่อน รัดด้วยแถบผ้าใบหนารัดกุม เชวอนน์ปรายตามองทหารดูแลอย่างเย่อหยิ่ง พลันเชิดหน้าอย่างสง่า เมื่อย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อรับมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของให้ขึ้นมาบนหลังของมัน

ชายหนุ่มก้าวเท้าเหยียบโกลน พาดขาข้ามนั่งบนอานที่ติดไว้ กระชับบังเหียนไว้ในมือ พลันคว้าหมวกนิรภัยสีดำที่แขวนอยู่ข้างกันมาสวม ดวงตามองผ่านกระจกใสสีชา ยามขยับแถบเชือกนั้นจนตึง วางอีกมือลงกับแผ่นหลังแกร่งของเฟรอุส และกระซิบเบา เป็นรหัสที่ตกลงกัน

เฟรอุสสีแดงโผบินขึ้นสูงเหนือฐานทัพอากาศแห่งฟีนิกซ์ ฝ่าพายุหิมะรุนแรง หายลับไปในชั่วพริบตา


------


Red Flag Raised




[END]




though, still be continued....
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://findarato.exteen.com
matchavaree
ฟอร์เมน
ฟอร์เมน
matchavaree


จำนวนข้อความ : 44
Join date : 14/10/2013
ที่อยู่ : โรเซลีนน์แดนทัพหลวงและฟีนิกซ์ถิ่นชาวร็อค

Player Information
Total Character(s): 5
Main: Any

[PROJECT UNKNOWN] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [PROJECT UNKNOWN]   [PROJECT UNKNOWN] Icon_minitimeSat Feb 15, 2014 10:08 am

ชะ //มอง though, still be continued... นั่น....
ในช่วงแรกเราตามๆ หายๆ บ้างเพราะยังไม่ค่อยว่าง จนได้มาตามเต็มๆ ช่วงหลังที่เล่นสงครามนี่แหละค่ะ
อาห์ มันยิ่งใหญ่มาก จากเควสกลายมาเป็นอะไรที่แตกยอดออกไปอีก คุณอู้อีปิคมากนะคะ ทุกคนในโปรเจ็คต์นี้ก็ด้วย ; 7 ; //หลั่งน้ำตา
คือทุกตัวละครที่คุณอู้เขียนดูหล่อมากขึ้นทันใด (รวมพลเอกสการ์เล็ตกับพลเอกเอวาด้วย 5555) ภาพในหัวเราเห็นทุกคนกับบรรยากาศในเรื่องเป็นหนังแอ็คชั่นที่ทุกคนหล่อคมเข้มกันไปหมด ฟฟฟฟ ส่วนตัวเราชอบ A safe place is no where มากเลยค่ะ //น้ำตาจะไหล คือมันแบบตอนแรกก็อ่านไป.....อืม.....คุณบลังเช่เข้ารพ.....อืม.....คุณนศพ.กำลังจะกลัวโดนอาจารย์กินหัว แล้วก็ ห๊ะ เอ๊ะ กรี๊ดดด อันโนนตัวนั้นโคตรอีปิค ; 7 ; 5555555 ช่างฉลาดและเก่งน่าขนหัวลุกอะไรอย่างนี้ ฮูววววว
ยังค้างคาเพราะยังไม่รู้อยู่ดีว่าภารกิจแช่แข็งคืออะไร ; v ; โยงมาเกี่ยวกับสงครามอิคดราซิลแล้วก็ เอ๊ะ นั่น อะไรคะ ดร.ไซน์รู้อะไรคะ พลเอกรู้อะไรกันคะ อยากรู้บ้าง แต่ก็จบได้ฟินในแบบหนึ่งนะคะ หวีดดดนั่นอัลแงงอยู่ที่เดียวกันกับซาคอนด้วยสมแล้วที่เป็นสองศพของทัพในศึกนี้(...)

ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆ กรี๊ดๆ ให้ได้ตามอ่านค่ะ ; Wink<3 ถ้าจะมีภาคต่อเมื่อไหร่ก็จะติดตามอ่านนะคะ
แด่ทัพอากาศศศศศ​\m/
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://aquareverie.wordpress.com
 
[PROJECT UNKNOWN]
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
 :: Members Zone :: Air Force-
ไปที่: